Sunday, September 4, 2016

หนุ่มเชียงใหม่โวย เพื่อนบ้านเปิดบ้านรับทัวร์จีน สุดรบกวน


(4 ก.ย.) ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์กระทู้จากเว็บไซต์พันทิป โดยคุณdrift ได้เข้ามาโพสต์เรื่องราวระบุว่า ตนและภรรยาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ภายในจังหวัดเชียงใหม่ และได้รับความเดือดร้อน หลังจากต่อเติมบ้านเพื่อรับทัวร์จีน
โดยเจ้าของกระทู้ระบุว่า บ้านที่อยู่แปลงติดกัน มีรถตู้เข้าออกตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน กรุ๊ปละประมาณ 4-10 คน เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งสัปดาห์ ปัญหาที่เจอคือ "เสียงดัง และลูกทัวร์มักออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านหรือมาใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ปั่นจักรยาน เล่น hoverboard
เดินชมบ้านลูกบ้าน ถ่ายรูปลูกบ้าน สูบบุหรี่ ถุยน้ำลาย เป็นต้น โดยบ้านที่รับลูกทัวร์จะมีสระน้ำ ซึ่งจะมีการจัดปาร์ตี้เสียงดัง บางครั้งจัดถึงตี 3 ก็มี
ซึ่งเคยโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก และมีเพื่อนบ้านดังกล่าวเข้ามาตอบว่าจะปรับปรุงและแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เมื่อลองไปหาข้อมูลก็พบว่า มีบ้าน 2 หลัง ที่เปิดรับทัวร์จีน
และเจ้าของกระทู้ร่วมถึงเพื่อนบ้านคนอื่นๆ เคยรวมตัวกันน้องเรียนไปกับทางหมู่บ้านจัดสรรแล้ว แต่โครงการยังไม่มีนิติบุคคล ล่าสุด โครงการแจ้งว่า อยู่ระหว่างการฟ้องร้องกับบ้านดังกล่าว ตอนนี้ทำได้เพียงตักเตือนเรื่องเสียงดัง ทั้งยังพบการซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 แปลง และมีการต่อเติมทั้งหมด
และตนเองได้ร้องเรียนไปทางอบต.และได้พบกับนายกเทศบาลพอดี และได้ส่งเรื่องให้ทางจัดเก็บท้องถิ่นลงไปตรวจสอบ เบื้องต้น ทางเทศบาลได้แต่เพียงให้ บ้านหลังดังกล่าวเสียภาษี ซึ่งจัดเก็บเป็นบ้านเช่ารายวัน
ทั้งนี้ เจ้าของกระทู้ยังเกิดความกังวล เนื่องจากทำงานอยู่บ้านกับภรรยาตลอด แต่บางครั้งภรรยาก็ต้องอยู่คนเดียว จึงกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีคนแปลกหน้าเข้าออกหมู่บ้านตลอดเวลา พร้อมขอคำแนะนำว่าจะสามารถร้องเรียนหน่วยงานไหนเพิ่มเติมได้บ้าง ซึ่งก็มีคนเข้ามาแสดความคิดเห็น พร้อมให้คำแนะนำมากมาย
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก กระทู้คุณdrift

แหล่ง :  http://news.sanook.com/2060766/

เฮทั้งประเทศ !! สายเขียวเฮลั่นรัฐบาลเตรียมถอดกัญชาออกจากยาเสพติด พร้อมให้ชาวบ้านปลุกได้ แต่ต้องทำแบบนี้ !??


รัฐบาลมีแนวคิดถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเป็นยาควบคุมโดยแพทย์ หลังมีงานวิจัยพบว่าสามารถสกัดเป็นยารักษาโรคมะเร็งได้ โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการให้แก้กฎหมายยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ตามที่คณะกรรมการอาหารและยา เสนอ ซึ่งสาระสำคัญเป็นการถอด"กัญชา"ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ที่ห้ามครอบครองมาเป็นยาควบคุมใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาในรายละเอียด เพื่อกำหนดแนวทางการนำมาใช้รักษา 

 นายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือ กัญชาคือยารักษามะเร็ง บอกว่าขณะนี้มีงานวิจัยกว่า 100 ชิ้น เห็นตรงกันว่าส่วนดอกของกัญชา สามารถสกัดออกมาเป็นสาร THC ซึ่งมีคุณสมบัติทำลายเซลล์มะเร็งได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย และ หลายประเทศนำมาใช้แล้วได้ผล เช่น สหรัฐอเมริกา แคนดานา ประเทศในกลุ่มยุโรป รวมถึง กลุ่มลาตินอเมริกา จึงถือเป็นการค้นพบแนวทางใหม่ที่น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโรคนี้ และเพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นายแพทย์สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย เสนอให้นำระบบการขึ้นทะเบียนมาใช้ และต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ประชาชนทั่วไปที่ได้รับอนุญาต สามารถปลูกได้ครัวเรือนละไม่เกิน 6 ต้น และให้ปลูกเฉพาะต้นตัวเมีย ซึ่งไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ 


แหล่ง : http://www.siamdrama.com/view-900.html

Tuesday, August 2, 2016

เงิบแล้วละ !! ข้าราชการใหญ่ โพสต์ดูถูกเด็กปั๊ม ล่าสุดออกมาหาน้องแล้ว พร้อมพูดแบบนี้ !??


ดันกลายเป็นเรื่องดังขึ้นมาเมื่อจากกรณีที่เฟซบุ๊คเพจ  ได้โพสต์หน้าฟีดของของผู้ใช้เฟซบุ๊คคนหนึ่ง ซึ่งมีโปรไฟล์เป็นรูปผู้ชายสวมชุดข้าราชการเต็มยศ ได้โพสต์ภาพเด็กปั๊มคนหนึ่งแล้วเขียนระบุว่า เก็บตกซุปตาร์ ..พี่ไปเจอของแปลก สัตว์หายาก ..เพราะทำงานเป็นกะ ..คนหยังมาขี้ฮ้ายแท้ มะช่างกล้าเกิด .. คนอะไรเกิดมาขี้เหร่ ทำไมช่างกล้าเกิด โดยเฟซบุ๊ก ปตท.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ได้โพสต์ถึงข้าราชการคนดังกล่าวว่า "ขอบคุณสำหรับคำดูถูกพนักงานของเรา สำหรับข้าราชการคนนี้ เราสามารถแจ้งความคุณได้นะคะ เกือบซวย

ทางครอบครัวได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว น้องน้ำเต้าได้เดินทางกลับไปทำงานที่ปั๊มน้ำมันตามปกติ ต่อมามีนายสมบูรณ์ หล่าแหล่ง นายกอบต.แห่งหนึ่ง ได้นำตัวนายโอ (นามสมมติ) ชายที่โพสต์ข้อความดังกล่าว มาที่ปั๊มน้ำมัน เพื่อขอเจรจาและขอขมาน้องน้ำเต้า ซึ่งตอนแรกน้องน้ำเต้าก็ยังงุนงง โดยนายโอได้ยอมรับผิดทุกอย่าง บอกด้วยว่า ทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ชั่วขณะ ไม่ได้คิดให้รอบคอบ ก่อนโพสต์ข้อความนั้นไป จากนั้นน้องน้ำเต้าได้ปรึกษาแม่ และคุณอรวรรณ สมวงศ์ เจ้าของปั๊มน้ำมัน ซึ่งทั้งคู่ได้แนะนำให้ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันเพื่อหาทางออกที่ดี ซึ่งน้องน้ำเต้าก็ตัดสินใจตกลงให้อภัยนายโอ และรับปากว่าจะไปถอนแจ้งความหรือไม่เพราะทำให้อับอายเป็นอย่างมาก

ประเภท : ทันเหตุการณ์
แหล่ง : http://www.siamdrama.com/view-311.html

เจอแล้ว !! น้ำเต้า เด็กปั้ม ที่โดนข้าราชการ เหยีดหยาม ล่าสุดคนใจบุญไปช่วยแบบนี้ เฮทั้งประเทศ !??





กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อข้าราชการใหญ่ด่าเด็กปั๊บไม่มีทางสู้ ล่าสุดคนหาช่วยเด็กจำนวนมากและเจอตัวแล้ว น้องน้ำเต้า เด็กปั้มสู้ชีวิตที่โดนถ่ายรูปตอนขณะเผลอก้มหน้านั่งหลับจากการทำงานที่ต้องเข้ากะแต่เช้าตั้งแต่ตีสาม แต่กลับโดนข้าราชการหนุ่มคนหนึ่งตำแหน่งระดับหัวหน้าใช้มือถือแอบถ่ายก่อนจะไปโพสในเฟสในทำนองดูถูกเหยียดหยาม ล่าสุดชาวโซเซียลได้เจอตัวน้องน้ำเต้าแล้วที่ปั้ม ปตท. ที่เกิดเหตุในอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร พากันแห่ให้กำลังใจกันเพียบ ทราบว่าน้องน้ำเต้า เป็นคนขยันสู้ชีวิตเพราะต้องหาเงินเลี้ยงลูกและครอบครัว ลำบากเลยมาเป็นเด็กปั้มเข้ากะ ตื่นตั้งแต่ตีสามแทบทุกวัน ทำงานลำบากเพื่อหาเงินมาดูแลครอบครัว 




แหล่ง :  http://www.siamdrama.com/view-307.html

แม่ใจสลาย !! ลูกสาว 9 ขวบถูกข่มขืน แถมยังเป็นคนดังแบบนี้ ใจสลายตามๆกัน !??


กลายเป็นเรื่องที่เจอกันทุกวันเมื่อแม่พา ด.ญ.วัย 9 ขวบ แจ้งความหลังถูกคนรู้จัก ขับรถปาดหน้าแล้วลากไปข่มขืน พร้อมข่มขู่ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ขณะที่เจ้าตัวไหวตัวทันหลบหนีหายไปเป็นเดือน ล่าสุดแอบแวะมาหาญาติที่บ้าน ลงพื้นที่สกัดไล่ล่าตัว หวั่นคนร้ายหนีไปลาว
แม่เด็กหญิงเอ เล่าว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งลูกสาวคนเล็กของตนกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยลูกสาวเล่าให้ฟังว่าวันเกิดเหตุในขณะที่ลูกสาวเลิกเรียนกำลังจะกลับบ้าน ในระหว่างทางพบนายสมควร แก้ววิเศษ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นคนรู้จักกันและเป็นคนดังในจังหวัด มีหน้ามีตาร่ำรวยมากในพื้นที่ ได้ขับรถปาดหน้าแล้วลากลูกสาวตนขึ้นรถไปข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่จึงปล่อยตัวกลับมา พร้อมทั้งข่มขู่ว่าถ้าเอาเรื่องไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย และจะทำอีกถ้าไปบอกใคร

หลังจากนั้นในวันเกิดเหตุได้ตามหาลูกสาวตามที่ต่างๆ และมาพบลูกสาวที่บริเวณดอนปู่ตาในสภาพที่อิดโรยและพบบาดแผลที่บริเวณขา และหลังจากเกิดเหตุได้นำลูกสาวไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการ พบว่ามีร่องรอยของการถูกข่มขืน จึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม แต่นายสมควรไหวตัวทันและได้หลบหนีไป ซึ่งเวลาผ่านไปนับเดือนก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แม่ของผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม จ.มหาสารคาม และเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล อีกด้วย สำหรับการดำเนินการไล่ล่าคนร้าย


แหล่ง :  http://www.siamdrama.com/view-306.html

ชาวบ้านเฮ!! ถูกหวย "เจ้าแม่ตะเคียนทอง" พร้อมใจกันรำถวาย 100 รอบ


เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 ส.ค.2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านจำนวนมากมารวมตัวกันที่วัดจันทร์นิมิต ต.บ้านโตก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เพื่อนำของเซ่นไหว้มาแก้บน "เจ้าแม่สิทธิโชค" ซึ่งเป็นเจ้าแม่ตะเคียนทองที่มีคนนำมามอบให้กับที่วัดแห่งนี้เมื่อหลายวันก่อนและมีคนมาขอโชคปรากฏว่าถูกหวยเป็นจำนวนมากจึงได้นัดหมายกันนำของเซ่นไหว้มาถวาย จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านกว่า 100 คนกำลังนำของเซ่นไหว้ อาทิเช่น กล้วยน้ำว้า น้ำแดง ผลไม้หลากหลายชนิด ชุดไทยโบราณหลากหลายสี มาวางไว้หน้าตอตะเคียนขนาดใหญ่ รวมทั้งหน้ารูปั้นปู่กะลา ย่ากะลี ซึ่งเป็นเจ้าที่บริเวณที่สร้างวัดดังกล่าว นอกจากนั้นยังได้มีการรำแก้บนรอบ ๆ ตอตะเคียนจำนวน 100 รอบ โดยมีร่างทรงเป็นผู้รำนำหน้าและชาวบ้านและผู้ที่ทราบข่าวร่วมรำด้วยโดยที่แต่ละคนก็จะเฝ้าสังเกตมือของร่างทรงว่าจะใบ้หวยเป็นเลขอะไรเพื่อจะนำไปตีเป็นตัวเลขเสี่ยงโชคในงวดต่อไป ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

พระอาจารย์อ๊อด เจ้าอาวาสวัดจันทร์นิมิตกล่าวว่าหลังจากที่มีคนนำตอตะเคียนมาให้ที่วัดวันที่ 30 ก.ค.2559 ที่ผ่านมาเมื่อชาวบ้านทราบข่าวต่างก็เดินทางมาเข้าทรงขอหวยยิ่งทราบข่าวว่าเจ้าของเดิมเคยถูกรางวัลใหญ่ได้เงินถึง 24 ล้านก็ยิ่งมีชาวบ้านแห่กันมาขอหวยกันแต่ละวันเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งบนบานไว้กับเจ้าแม่ตะเคียนทองว่าหากถูกหวยจะนำเครื่องเซ่นไหว้ นำชุดไทย มาถวายแก่เจ้าแม่พร้อมทั้งจะมีการรำแก้บนรอบเจ้าแม่ 100 รอบ เมื่อผลการออกสลากออกมาปรากฏว่ามีคนโชคดีเป็นจำนวนมากถูกทั้งหวยรัฐบาลและหวยใต้ดิน ชาวบ้านจึงได้นัดหมายกันมาถวายของเพื่อแก้บนและขอบคุณเจ้าแม่คะเคียนที่ให้โชคแก่ชาวบ้าน รวมทั้งได้มีการจ้างวงดนตรีมาเล่นและรำแก้บนจำนวน 100 รอบอีกด้วย

ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่าได้มาขอโชคขอลาภกับเจ้าแม่ตะเคียนโดยได้บนไว้ว่าหากโชคดีถูกรางวัลจะนำพวงมาลัย กล้วย น้ำแดงและชุดไทยโบราณมาถวาย ซึ่งตนก็โชคดีถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวได้เงินกว่า 50,000 บาท วันนี้จึงนำของเซ่นไหว้มีถวายเจ้าแม่พร้อมทั้งรำแก้บนให้ด้วย


แหล่ง :  http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1470134996

Monday, July 25, 2016

บุญตาที่ได้เห็น ทำบุญพระตำหนักใหม่ ของสมเด็จพระเทพฯ ที่จังหวัดอุทัยธานี ใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี มีคลิป (อพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน)


เรียกว่าเป็นบุญตาของประชาชนชาวไทย เมื่อมีการเผยแพร่พระตำหนักใหม่ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชชนนี ตั้งอยู่ที่ 905 ถนนศรีอุทัย ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี โดยเนื้อที่ดังกล่าวประชาชนตั้งใจจะถวายให้พระองค์ท่าน แต่พระองค์ท่านไม่ประสงค์ แต่จะทรงขอซื้อในราคาท้องตลาดด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์เอง


ทั้งนี้พระองค์ท่านทรงปฏิบัติเช่นเดียวกับสามัญชนทั่วไป ทรงขอเลขที่บ้านจากหน่วยงานราชการ และดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย อาทิ ช่วงเช้าพระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักใหม่มายังหน้าศาลากลาง ไปตลาดเช้า ชาวบ้านก็จ่ายซื้อของกันปกติ ได้เฝ้ารับพระองค์อย่างใกล้ชิด ทำให้พสกนิกรรู้สึกปลาบปลื้มใจตลอดจนชาวอุทัยธานีรู้สึกภูมิใจที่ได้พระองค์ทรงเลือกจังหวัดเป็นที่สร้างตำหนักใหม่




แหล่ง : http://www.siamdrama.com/view-147.html

โดนแล้ว !! แม่ใจโหดทิ้งลูกน้อยลงในโถส้วม ล่าสุดเป็นกลายเป็นแบบนี้แล้ว !??


จากกรณีพบทารกเพศหญิงเพิ่งคลอด ถูกทิ้งอยู่ภายในโถส้วม ภายในปั๊มน้ำมันซัสโก้คลองแรด หมู่ที่ 7 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยสภาพของเด็กนอนง่ายหัวจุ่มอยู่ภายในโถ แต่โชคดีที่น้ำในโถไม่ได้ท่วมที่ใบหน้า ตามเนื้อตัวยังมีเลือดเปื้อนคาดว่าเพิ่งคลอดได้ไม่นาน หลังจากนั้นจึงได้แจ้งทาง รพ.คลองท่อม มารับเด็กไปปฐมพยาบาล ซึ่งล่าสุดเด็กมีอาการสำลักน้ำมา จึงต้องตรวจระเอียดอีกครั้ง เด็กมีน้ำหนัก 2,000 กรัม 
ล่าสุด (26 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมแม่ผู้ก่อเหตุได้แล้ว พบเป็นนักศึกษาสาวอายุ 18 ปี ชาว จ.สงขลา หลัง ตั้งด่านสกัดจับ พบหญิงสาวคนดังกล่าว สวมใส่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด และมีเลือดออกที่ร่องขา รวมทั้งมีหน้าตาซีดเซียว ท่าทางอิดโรย ซึ่งคาดว่าเสียเลือดมากจากการคลอดลูก สารภาพกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งของ จ.ภูเก็ต กำลังจะเดินทางกลับบ้านแต่ระหว่างทางเกิดอาการปวดท้องคลอด จึงขอให้พนักงานขับรถจอดเพื่อเข้าห้องน้ำ และคลอดทารกทิ้งไว้ ก่อนขึ้นรถโดยสารเดินทางต่อไปเพื่อกลับบ้านและถูกจับกุมได้ในที่สุด .

แหล่ง :http://www.siamdrama.com/view-146.html

รวบทันควัน แม่ใจยักษ์คลอดลูกทิ้งโถส้วม เป็นนักศึกษาอายุ 18


จากกรณีพบทารกเพศหญิงเพิ่งคลอด ถูกทิ้งอยู่ภายในโถส้วม ภายในปั๊มน้ำมันซัสโก้คลองแรด หมู่ที่ 7 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยสภาพของเด็กนอนง่ายหัวจุ่มอยู่ภายในโถ แต่โชคดีที่น้ำในโถไม่ได้ท่วมที่ใบหน้า ตามเนื้อตัวยังมีเลือดเปื้อนคาดว่าเพิ่งคลอดได้ไม่นาน หลังจากนั้นจึงได้แจ้งทาง รพ.คลองท่อม มารับเด็กไปปฐมพยาบาล ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว เด็กมีน้ำหนัก 2,000 กรัม
ล่าสุด (26 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมแม่ผู้ก่อเหตุได้แล้ว พบเป็นนักศึกษาสาวอายุ 18 ปี ชาว จ.สงขลา หลัง ตั้งด่านสกัดจับ พบหญิงสาวคนดังกล่าว สวมใส่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด และมีเลือดออกที่ร่องขา รวมทั้งมีหน้าตาซีดเซียว ท่าทางอิดโรย ซึ่งคาดว่าเสียเลือดมากจากการคลอดลูก สารภาพกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งของ จ.ภูเก็ต กำลังจะเดินทางกลับบ้านแต่ระหว่างทางเกิดอาการปวดท้องคลอด จึงขอให้พนักงานขับรถจอดเพื่อเข้าห้องน้ำ และคลอดทารกทิ้งไว้ ก่อนขึ้นรถโดยสารเดินทางต่อไปเพื่อกลับบ้านและถูกจับกุมได้ในที่สุด

แหล่ง : http://news.sanook.com/2036526/

Saturday, July 9, 2016

ช็อกวงการ !! หลังจากทะเลาะเล่นๆ ล่าสุดต้นหอมกับ อิม เฟี้ยวฟ้าว ตบกันไม่ยั้งแบบนี้ !??


หลังประกาศศึกแย่งพระเอกหนุ่ม แถมท้าตบกันลั่นโซเชี่ยลแล้ว ล่าสุด ก็มาถึงจุดนั้นจนได้ เมื่อดีเจต้นหอม-ศกุนตลา โพสต์ไอจีขณะปะหน้าเพื่อนสาว เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ หรือ อิม-อชิตะ พร้อมแคปชั่นว่า

 “ดูไว้นะลูกกว่าแม่จะได้พ่อมาต้องผ่านอะไรมาบ้าง @feawfoaw @sun_prachakorn #จัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิง”  

 ขณะที่ สาวเฟี้ยวฟ้าว ก็ไม่ยอมกันเลยทีเดียว โดยโพสต์ภาพใบหน้ามีร่องรอยบาดแผล พร้อมข้อความว่า “ตอนแรกก็กะจะไม่ไร แต่พึ่งเห็น..เตรียมทนายไว้เลยนะdjหอม จะเอาจะอี้ก่อด้าย!!!” ก่อนจะโพสต์ไอจีคลิปเดียวกันกับสาวต้นหอม พร้อมข้อความว่า

 “@djtonhorm @foawfeaw รักมาก เจ็บมาก.. 555อยากจบแบบนี้ใช่ไหม..ด้าย...สู้สุดใจเพื่อคนที่รัก5555 ดูละกันว่าเค้าจะเลือกใคร!!!!!! เพื่อนกันท้างนั้น555กรูเลือกเมิงดีฟ่า มันส์กว่าเยอะ เยิฟอาหอม”

 โดยล่าสุด สาวต้นหอม ก็โพสต์ภาพสวีตกับพระเอกหนุ่ม พร้อมข้อความบาดใจสาวเฟี้ยวฟ้าวด้วยว่า

 “มึงผ่อเอาเต๊อะอิม จังหวะการงุ้มมือของปู้ชายมีการประสานอย่างกลมเกลียวแนบแน่น ปู้ชายมีความไข้ได้ในตั๋วเปิ้ล สูต้องตั๋ดใจ๋ฮู้ก่อ #สุมาเต๊อะ คนเขาฮักกั๋นมึงจะมาแทรกกลางยะหยัง #ภาพจาก ซุปตาร์ปาร์ตี้ #ชิงลงรูปก่อนเพราะพุ่งนี้อิเฟี้ยวฟ้าวจัดกุยับแน่5555 @sun_tonhorm @suntonhorm” สร้างความฮากับแฟนคลับเลยทีเดียว





แหล่ง : http://www.siamupdate.com/news-183667

เอาอีกแล้ว !! ครูสาวหน้าตาดี ถูกฆ่าอย่างสยอง ที่แท้คนดังแบบนี้เองหรอ ที่ทำ !??


ช็อก'หลานนักการเมือง'ทารุณ ทุบ'ครูสาว'สมองแตกดับ
ครูสาวตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมอีกแล้ว คราวนี้เกิดขึ้นร้อยเอ็ด โดนทุบตีหัวฟาดพื้นจนสมองแตกตาย ฝีมือ "หลานชายนักการเมือง" พ่อแม่ร่ำไห้ หวั่นคดีเงียบ เหตุมือโหดยังเชิดหน้าลอยนวลอยู่
 
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายแสง และนางทองพูน สีสด อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 6 ต.โคกกกม่วง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ว่า ได้เข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว หลังจากลูกสาวซึ่งเป็นครูถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บสาหัส กระทั่งถึงแก่ความตาย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและคดีอาจล่าช้าโดยในวันนี้ครอบครัวได้นำร่างผู้เสียชีวิตมาทำพิธีฌาปนกิจ เพื่อส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่สุขคติ ภายในวัดดป่าศรีดงกลาง ต.โคกกกม่วง ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก 
 
นางทองพูน เล่าว่า ลูกสาวคือ นางเสริมศิริ สีสด หรือนักเรียนจะเรียกเล่นๆว่า "ครูต้อย" เป็นครู คศ.3 สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด มีลูกติดอยู่ 1 คน ได้ถูกเพื่อนชายที่เป็นหลานของนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ดังกล่าว ก่อเหตุทำร้ายร่างกายรุนแรง ทั้งทุบตี ทั้งจับศีรษะฟาดพื้นจนสลบเหมือดในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. แพทย์ รพ.ร้อยเอ็ด ตรวจดูสภาพแล้วน่าเป็นห่วง เพราะเบ้าตาแตก ใบหน้าปูดบวม ลำตัวฟกช้ำ ที่สำคัญเส้นเลือดในสมองบวมและแตกด้วย จึงรีบส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น กระทั่งเสียชีวิตในที่สุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา
 
"แม่ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เสลภูมิ แล้ว จากนั้นก็มายุ่งอยู่แต่กับการจัดงานศพ ไม่มีเวลาตามเรื่อง ไม่รู้เลยว่าการสืบสวนไปถึงไหน รู้แค่ว่าผู้ชายที่ทำลูกเป็นหลานนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังที่ใครๆก็รู้จัก ตอนนี้เขายังเดินเชิดฉายลอยนวลอยู่เลย ทั้งๆที่มีพยานตั้งหลายปาก แม่กลัวเหลือเกิน กลัวว่าเรื่องจะเงียบ กลัวว่าจะเป็นมวยล้มอีกคดี"...


แหล่ง : http://www.siamupdate.com/news-183665

"ครูปอ" ร้องทุกข์ถูกเพจเถื่อน นำรูป-ประวัติไปแอบอ้างว่าเป็นฆาตรกรฆ่าคนตาย


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” รับแจ้งจาก น.ส.พนิดา ยาทองไชย หรือคุณครูปอ อายุ 27 ปี ครูภาษาไทย ร.ร.บ้านโพนแพง (เจียรวนนท์อุทิศ 5) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต 1 ต.โพธิไพศาล อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนครสกลนคร ว่าถูกนำรูปภาพไปแอบอ้างใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรฆ่าปาดคอชาวต่างชาติ และล่าสุดถูกทางการสั่งจำคุกเป็นเวลา 4 ปี โดยลำดับเหตุการณ์ว่า ก่อนหน้านี้เพจ “สมาคมครูหน้าตาดี แห่งประเทศไทย” ในสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊ก ได้นำรูปภาพพร้อมประวัติของตนไปเผยแพร่ ต่อมาเว็บไซต์แห่งหนึ่งได้นำรูปและรายละเอียดของตนที่เผยแพร่อยู่ในเพจสมาคมครูหน้าตาดีฯ ไปจัดอันดับ 10 คุณครูน่ารักอีก ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยคิดมากเพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย จนกระทั่งวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ญาติได้ส่งข้อความมาบอกว่าเห็นรูปตนถูกแชร์ต่อๆ กันอย่างกว้างขวางในเฟซบุ๊กว่าเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย
ครูปอ เล่าต่อว่า เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าเป็นรูปเดียวกันกับที่เคยลงในเพจข้างต้น โดยต้นข่าวมาจากเพจปลอมที่นำชื่อเว็บไซด์ข่าวหนังสือพิพม์ฉบับหนึ่งมาแอบอ้าง พร้อมพาดหัวข่าวว่า “ตัดสินแล้ว! จำคุก 4 ปี ครูสาวฆ่าปาดคอพม่าที่จะข่มขืน อ้างไม่ขึ้น! ป้องกันตัว” ซึ่งเพจข่าวปลอมได้เต้าข่าวว่าตนเป็นครูสอนภาษาไทยสังกัดโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุใช้มีดปังตอฟันต้นคอคนงานก่อสร้างสัญชาติพม่าจนเสียชีวิตภายในบ้านพักครูหลังโรงเรียน โดยระบุว่าตนได้อ้างกับทางการว่าเป็นการป้องกันตัว แต่เนื่องจากหลักฐานจากกล้องวงจรปิดไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และถูกตัดสินจำคุกทันทีเป็นเวลา 4 ปี

“อ่านแล้วรู้สึกตกใจอย่างมาก เนื่องจากเราไม่ได้เป็นคนทำ และการที่เพจปลอมดังกล่าวนำรูปและข้อมูลจริงของเราที่ปรากฏในเพจสมาคมครูหน้าตาดี ไปโยงกับคดีฆาตรกรรมอาจทำให้คนที่รู้จักเราหลงเชื่อในข้อมูลเท็จได้ จึงปรับทุกข์กับคนรู้จักหลายๆ คน โดยส่วนแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดี จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะรู้สึกว่าเราเสื่อมเสียชื่อเสียง และนอกจากตัวเราจะเป็นทุกข์แล้ว ครอบครัวญาติพี่น้องยังต้องมาเป็นทุกข์ไปกับเราด้วย” น.ส.พนิดา กล่าวและว่า โดยวันนี้จะเดินทางไปสภ.เมืองสกลนครอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า และนำหลักฐานที่รวบรวมมาเพิ่มเติมส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สืบสวนสอบสวนติดตามตัวผู้ที่เอารูปและข้อมูลตนไปแอบอ้างมาดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับเรื่องจากน.ส.พนิดาเสร็จ ได้สืบค้นเข้าไปที่เพจ “สมาคมครูหน้าตาดี แห่งประเทศไทย” ก่อนพบว่าตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางแอดมินได้นำรูปเพจปลอมมาแชร์พร้อมระบุว่าเป็นข่าวปลอม ขอให้เพื่อนครูและแฟนเพจช่วยกันกระจายข่าวให้หยุดแชร์ต่อ

วันเดียวกัน ครูปอได้เดินทางเข้าแจ้งความ ต่อ ร.ต.อ.อำนวย จำปาโพธิ์ ร้อยเวร สภ.เมืองสกลนคร  เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำรูปตนเองไปเผยแพร่ว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมในโลกโซเชียล โดยน.ส.พนิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึงผู้ที่ชอบใช้ไลน์ ใช้เฟซบุ๊ก ว่า บางครั้งก็อาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว การจะโพสต์หรือแชร์อะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน ขอให้เรื่องครั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ สำหรับตน ตอนนี้แทบจะปิดโทรศัพท์หนีเพราะมีการโทรมาสอบถามจนปวดหัวแล้ว รับว่ามีผลกระทบมาก เพราะไม่ใช่เรื่องจริง คนอยู่ใกล้ตัวพอชี้แจงได้ แต่คนที่อยู่ไกลตัวเราจะแก้ไขทำให้เขาเข้าใจอย่างไร ชาวพม่าก็ไม่เคยรู้จัก แล้วจะไปฆ่าเขาได้อย่างไร คิดว่าคนที่ทำแบบนี้ขึ้นมาเขาฆ่าหนูแล้ว...


แหล่ง :  http://www.khaosod.co.th

แทบช็อก!! เพื่อนหนุ่มมากอดด้วยมือซ้าย มือขวาไม่คิดจะทำแบบนี้ หัวใจสลายคาอ้อมกอด !???


เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.50 วันที่ 8 ก.ค. พ.ต.ท.บัณฑิต หัตถพิถีพันธุ์ สวป.สภ.เขาหลัก ร.ต.ท.สาโรจน์ มุสิกวงศ์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เขาหลัก ได้รับแจ้ง มีเหตุชายยิงตัวตาย บริเวณป่าสน ซ.สำนักสงฆ์ผดุงธรรมโพธิวาส ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จึงได้ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย กำนันตำบลคึกคัก ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.คึกคัก หน่วยกูภัยคึกคัก กู้ภัยเขาหลัก
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบ รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อเชฟโรเลต ป้ายทะเบียน กย 6910 นครศรีธรรมราช สีเทาอมน้ำตาลจอดอยู่ ใกล้กัน มีชายใส่เสื้อโปโลสีเทา กางเกง 3 ส่วนสีเทานอนจมกองเลือด พบปืนสั้นยี่ห้อ กล๊อก 9 ม.ม. สีดำ 1 กระบอก ภายในมีกระสุน 1 นัด ใกล้กันมีปลอกกระสุน 1 นัด ภายในรถพบกล่องสำหรับใส่ปืน มีกระสุนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 9 นัด อยู่ด้านใน มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ในรถจำนวนมาก มีเหล้าอยู่ในแก้วพลาสติกบริเวณที่วางแก้วข้างพวงมาลัย
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายณัฐพล สมบัติชัย อดีตเลขานุการองค์การบริหารส่วนตำบลเขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อายุ 35 ปี ขับรถจากจังหวัดนครศรีธรรมราช มายัง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อมารับเพื่อนสาวคนสนิทกลับไปทำงานที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยขับรถเข้าไปรับเพื่อนสาวที่บ้านพักก่อนจะเข้าไปในป่าสนเพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาทางใจกับเพื่อนสาวคนสนิท แต่ไม่สำเร็จ จึงโยนกุญแจรถทิ้ง ทำให้เพื่อนสาวต้องออกไปหากุญแจรถ จากนั้นนายณัฐพล สมบัติชัย จึงออกจากรถไปกอดเพื่อนสาวด้วยมือซ้าย ก่อนจะใช้มือขวาชักปืนมาลั่นไกเป่าขมับด้านขวาทะลุขมับด้านซ้าย
จึงได้ประสานไปยังหน่วยพิสูจน์หลักฐาน เพื่อที่จะมาตรวจสอบเขม่าดินปืนที่มือของทั้งคู่ ก่อนจะแจ้งให้ญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลศพต่อไป ส่วนสาเหตุของการปลิดชีพในครั้งนี้ อาจเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สินจำนวนมาก ประกอบกับไม่สามารถเคลียร์ปัญหาทางใจได้ลงตัว


แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183658

Friday, July 8, 2016

คืบหน้าล่าสุด!! ผลการชันสูตรศพ “ครูอิ๋ว” เจอแบบนี้!! ทำเอาชาวเน็ตช้อกหนักกว่าเดิม


คืบหน้าล่าสุด!! ผลการชันสูตรศพ “ครูอิ๋ว”  ไม่พบร่องรอบถูกข่มขืน! เเต่ต้องเจอโทษหนัก!! 
สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.จุฬารัตน์  หรือครูอิ๋ว เหยื่อถูกฆ่าปาดคอ ดับคาห้องพัก ในอ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันที่ 8 ก.ค. ด้านพล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า จากการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตไม่พบบาดแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ และไม่พบอสุจิอยู่ในร่างกายแต่อย่างใด แต่พบเพียงบาดแผลซึ่งถูกของมีดคมทำร้ายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่บริเวณลำคอ ซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง
จากการรวบรวบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่า คราบดีเอ็นเอที่อยู่บนร่างกายของผู้เสียชีวิตและบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นตรงกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหา รวมถึงจากการตรวจสอบห้องพักของผู้ต้องหายังพบคราบเลือด ของผู้เสียชีวิตติดอยู่อีกด้วย
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้ามีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า  ผู้ต้องหาประสงค์ที่จะข่มขืน และชิงทรัพย์ผู้เสียชีวิต  เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มเติมจากข้อหาเดิม ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

ชมคลิป



แหล่ง : http://ka.upyim.com/2170/

โคตรเลว !! รู้ตัวแล้ว สาวถูกฆ่าทิ้งศพริมรั้ว เปลือยโดนปาดคอ ที่แท้คนนี้ทำเองหรอ !??


สืบเนื่องจากเมื่อวันทื่ 8  ก.ค. หลังมีคนพบศพสาวถูกปาดคอเสียชีวิตสภาพเปลือยกาย ริมรั้วในซอยสะแกงาม 26 แยก 1 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน  พบหลักฐานใกล้ตัวผู้ตาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
ต่อมาจากการตรวจสอบ  ทราบว่า ผู้ตายคือ น.ส.ทุเรียน รอดคำทุย อายุ 24 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานีพนักงานทดลองงาน บริษัท วนวิทย์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
 
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายมีปัญหาทะเลาะอยู่กับสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนของเพื่อน เพื่อนผู้ตายเล่าว่า  ก่อนเสียชีวิตผู้ตายซ้อนรถจักรยานยนต์ออกไปกับนายมิน อายุ 28 ปี ชาวเมียนมาที่คบหากันมาระยะหนึ่ง เมื่อช่วงประมาณ 2 ทุ่มของคืนวันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัว ของนายมินที่บ้านพัก เพื่อนำตัวมาสอบสวน แต่ปรากฏว่าหายตัวไปแล้ว พร้อมกับน.ส.เซน อายุ 25 ปี ภรรยาที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน  และในเช้าวันต่อมาทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้ามาทำงาน
 
จากการสอบปากคำเจ้าของร้านชำ พบว่าผู้ตายมานั่งดื่มเบียร์อยู่กับนายมิน ก่อนเสียชีวิต  ในคืนวันเกิดเหตุ นายมิน กับผุ้ตายมานั่งดื่มเบียร์ 6 ขวด กระทั่งเวลา 22.30 น. เรียกให้ผู้ตายขึ้นซ้อยท้ายรถกลับ แต่ผู้ตายมีท่าทีไม่อยากขึ้นจนเกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย ก่อนจะพากันออกจากร้านไปทางถนนเลียบด่วนสุขสวัสดิ์-บางนา
 
ขณะนี้ตำรวจพอจะรู้ตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นใคร มีพยานหลักฐานชี้ชัดพอสมควร จะออกหมายจับคนร้ายได้ในวันนี้ได้ประสานไปยังด่าน ตม.ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมา เพื่อเฝ้าจับกุมตัวแล้ว คาดยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย


แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183651

แม่ใจสลายซ้ำ !! รีบไปรับ ครูอิ๋ว ที่ห้องเช่า หลังลูกมาหาแม่ แล้วพูดแบบนี้ !??


พ่อ แม่ และแฟนหนุ่ม “ครูอิ๋ว” ครูสาวเหยื่อฆาตกรรมโหดคาห้องเช่าที่ จ.สระบุรี ย้อนทำพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้านอีกรอบ หลังไปเข้าฝัน บอกว่ายังกลับบ้านไม่ได้  มีเจ้าอาวาสวัดบ้านเกิดมาเป็นผู้ทำพิธี พร้อมขนของใช้ส่วนตัวผู้ตายกลับไปด้วย…
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 8 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สระบุรี ว่าครอบครัวของ ‘ครูอิ๋ว’ น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา ครู โรงเรียนแสงวิทยา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ถูกฆาตกรรม คนร้ายเชือดคอเสียชีวิตภายในห้องพักในเขตเทศบาลเมืองแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้เดินทางมายังห้องเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณครูสาวกลับบ้านอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางครอบครัวผูตาย ได้ทำพิธีมาครั้งหนึ่ง หลังวันที่พบศพ แต่มีเพื่อนของครูอิ๋ว ฝันเห็นว่าผู้ตายยังไม่ได้กลับบ้าน และบอกว่าเจ็บคอมาก รวมทั้งนายสนิท โทวรรณา ผู้เป็นพ่อของครูอิ๋วเอง ก็เชื่อว่า วิญญาณของลูกสาวยังคงอยู่ที่เดิม เนื่องจากการทำพิธีในครั้งแรกนั้น ทางตำรวจไม่ยอมให้เปิดห้องเกิดเหตุ เพราะกลัวว่าจะไปทำลายร่องรอยหลักฐานต่างๆ
 สำหรับครอบครัวมาที่ประกอบด้วยนายสนิท โทวรรณา อายุ 59 ปี พ่อ นางจันทร์ศรี โทวรรณา อายุ 59 ปี แม่ น.ส. ศริญญา โควรรณา อายุ 33 ปี พี่สาว ร.ต.ต.ธเนตร แก้วหาญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส แฟนหนุ่ม และพระอธิการบัวกัน จันทะสะดร เจ้าอาวาสวัดบ้านบุ่งค้า หมู่ 3 ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด วัดในหมู่บ้านที่ประกอบพิธีเผาศพ เดินทางโดยรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ผ 8374 ขอนแก่น มีร.ต.ต.ธเนตร เป็นคนขับ แจ้งกับคนดูแลสถานที่ ขอเปิดห้องพักเกิดเหตุ นำพานบายศรี และพานที่ทำคล้ายขันห้า เข้าไปทำพิธีอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่นางจันทร์ศรี ผู้เป็นแม่จะเดินถือรูปของลูกสาวออกมา มีพระอธิการบัวกันจูงสายสิญจน์เดินนำหน้า จากนั้นมีการถอยรถไปจอดหน้าห้อง ขนสิ่งของจำพวกโต๊ะ เก้าอี้ ของใช้ส่วนตัวของผู้ตายขึ้นรถ แล้วเดินทางกลับทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีครอบครัวของครูอิ๋วแจ้งว่า ภายหลังเก็บเถ้าและกระดูกและทำพิธีลอยอังคารในวันที่ 9 ก.ค.แล้ว ทางครอบครัวจะเดินทางมาทำพิธีเชิญวิญญาณครูอิ๋ว กลับบ้านในใตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.นี้ โดยขอความเป็นส่วนตัว ไม่อยากถูกรบกวน แต่ปรากฏว่า พ่อ แม่ และแฟนหนุ่ม ได้เดินทางมาทำพิธีในช่วงเย็นวันศุกร์ คาดว่าคงไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวรู้ และตามถ่ายรูปทำข่าวจนเป็นการรบกวนการทำพิธี.

แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183649

ด่วน !! ผลตรวจศพ ครูอิ๋ว ออกมาแล้ว ที่ทำแบบนี้ก่อนฆ่า จัดข้อหาหนักแบบนี้แล้ว !??

ผบช.ภ.1 แถลงผลการตรวจศพ ‘ครูอิ๋ว’ ถูกฆ่าในห้องเช่าที่สระบุรี ไม่พบร่องรอยถูกข่มขืน แต่ถูกแทงเป็นแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะที่ลำคอถึง 4 แผล ชี้คนร้ายมีเจตนาทั้งข่มขืน-ชิงทรัพย์ เพิ่มข้อหาเป็นฆ่าโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน...  
วันที่ 8 ก.ค.59 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงข่าวความคืบหน้า กรณีนายชาตรี ร่วมสูงเนิน ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าปาดคอ นางสาวจุฬารัตน์ หรือ ครูอิ๋ว โทวรรณา ถึงแก่ความตายในห้องพัก ถนนสุดบรรทัด ซอย 8 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรีเมื่อเช้ามืดวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ต่อมา ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายชาตรี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุรายนี้ไว้ได้ โดยพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอยได้รวบรวมพยานหลักฐานพยานบุคคลพร้อมทั้งคำรับสารภาพ ที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ไว้เป็นหลักฐาน และสอบพยานบุคคลไปแล้วกว่า 18 ราย เพื่อสรุปจำนวนเพื่อเสนออัยการจังหวัดสระบุรี
ด้านพล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า จากการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิต ไม่พบบาดแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ และไม่พบอสุจิอยู่ในร่างกายแต่อย่างใด แต่พบเพียงบาดแผลซึ่งถูกของมีดคมทำร้ายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่บริเวณลำคอ ซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง
ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง ระบุว่า จากการรวบรวบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่า คราบดีเอ็นเอที่อยู่บนร่างกายของผู้เสียชีวิตและบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นตรง กับดีเอ็นเอของผู้ต้องหา รวมถึงจากการตรวจสอบห้องพักของผู้ต้องหายังพบคราบเลือดของผู้เสียชีวิตติด อยู่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า ผู้ต้องหามีความพยายามประสงค์ที่จะข่มขืน และชิงทรัพย์ผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มเติมจากข้อหาเดิม ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183640

แฉหมดไส้! อดีตเจ้าแม่ประตูน้ำตกอับ ขายยังไงเพียง10 วัน กำไรทะลัก 50 ล้าน


หากจะพูดถึงแม่ค้าขายส่งเสื้อผ้าย่านประตูน้ำรายใหญ่และใจถึง ต้องมีชื่อ “เจ๊เหมย” เฟสบุค กัลยา ทวีอภิรดีทองคำ ติดหนึ่งอยู่ในนั้นแน่นอนเพราะเธอเองมีร้านขายส่งเสื้อผ้าเจ้าแรกๆที่เอามาจากจีนมากถึง 5 ร้านทั้งตรงฝั่งห้างแพลตินั่ม ขยายธุรกิจใหญ่โตมีกำไรเดือนหนึ่งมากถึง 3-5 ล้าน มีลูกน้องหลายสิบคน เดือนๆหนึ่ง ต้องเดินทางบินไปเมืองจีน ไปกวางโจวสั่งโรงงานผลิตจากที่นั่นนำเสื้อผ้าแฟชั่น กระโปรง แบบใหม่ๆ มาขาย แต่สุดท้ายเจอสภาวะเศรษฐกิจพ่นพิษ โดนคู่แข่งขายตัดราคาการแข่งขันสูงทำให้เจ้าตัวต้องปิดกิจการหันมาเอาดีกับการทำสบู่สลายฝ้าสีม่วงที่ตอนนี้ขายดีมากที่สุดในประเทศ ยอดถล่มมากกว่า 7 แสนก้อนแล้ว สร้างยอดขายมากกว่า 50 ล้านบาทภายในระยะไม่กี่วันหลังจากผลิตออกมา เรียกว่าเป็นสบู่สำหรับคนหน้าเป็นฝ้าที่มาแรงที่สุด เผยชีวิตการต่อสู้ก่อนจะมาเป็น เจ๊เหมย แพลทตินั่ม ว่า เริ่มไต่เต้าจากการเป็นลูกน้องเขาก่อนพอรู้ลู่ทางรวยเลยคิดการใหญ่มาเปิดร้านเสื้อผ้าเอง!!

“เหมยเริ่มต้นด้วยการไปสมัครทำงานที่ร้านขายส่งเสื้อผ้าตรงประตูน้ำเป็นลูกจ้างเขา เขาให้ยืนก็ยืนทั้งวัน เป้าหมายเราคือไปฝึกเพื่อรู้ขั้นตอนทุกอย่างว่าขายยังไงจนพอผ่านไป 15 วันเราลาออกเพื่อไปเปิดร้านเสื้อผ้าเองที่แพลทตินั่มเป็นของตัวเอง ตอนนั้นหาเงินมาหุ้นกับพี่สาวรวมค่าเช่าที่ต้องจ่ายช่วงแรกประมาณสองหมื่นบาท รวมค่าหมัดจำอีกสองหมื่น ทั้งหมดจ่ายไปสี่หมื่นบาท เหมยก็เริ่มเปิดร้านของตัวเอง โดยที่เราบินไปเมืองจีนเลยเพื่อไปเอาเสื้อผ้ามาขาย  และก่อนจะเปิดร้านเหมยนั่งรถเมล์ไปตามตลาดนัดเพื่อไปแจกนามบัตรให้กับแม่ค้ารายย่อยว่าเรามีสินค้ากระจายขายส่งมาเยอะมาก พวกเสื้อผ้าแฟชั่น เพื่อให้เขามารับกับเรา”
รู้ลู่ทางทำมาหากินบวกกับหัวการค้าพูดภาษาจีนได้เพราะเป็นลูกครึ่งไต้หวัน ทำให้เจ๊เหมย ขายดีมีกำไรงามจากการเปิดร้านเสื้อผ้าจากหลักแสนกลายมามีกำไรหลายล้านต่อเดือน “เหมยสั่งเสื้อผ้าแบบต่างๆจากจีน ดันขายดีมาก เช่นเราซื้อมาตัวละ 100 หรือ 110 เราขายส่งตัวละ 150 บาทเพราะว่าขายส่งมันได้กำไรแค่ 40-50 บาทต่อชิ้นแต่ปริมาณเยอะๆ  เช่นแบบหนึ่งๆสั่งกันที่ 100-200 ตัว ก็คือเยอะ แล้วเรามีแบบเสื้อผ้าเป็น 30-40 แบบเริ่มขายดีจากหลักร้อยตัว กลายเป็นหลายพันตัวต่อหนึ่งแบบ จากนั้นเหมยก็ขยายสาขา แพลทตินั่มจากตอนแรกมีร้านเดียวขยายเพิ่มเป็น  2 ร้าน ค่าเช่าข้างล่างเดือนละแสนเจ็ด ข้างบนเดือนละแสนห้า ขยายจากแพลทตินั่มก็มาเปิดร้านอีกห้างตรงข้ามแพลทตินั่มอีก 3 ร้าน รวมทั้งหมดเรามีร้านขายส่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายทั้งหมด 5 ร้าน”
เผยยอดขายหลายสิบล้านต่อเดือน กำไรขั้นต่ำ 3-5 ล้าน วันหนึ่งๆเงินผ่านมือวันละล้านถือว่าเป็นเรื่องปกติ  “ธุรกิจโต เหมยต้องใช้ลูกน้องเยอะ ยอดขายดีนะ บางตัวเราขายได้กำไรตัวละ 150  ตอนนั้นมีลูกค้าจากทางบรูไน มารับทีมูลค่าเป็นล้านๆเลยนะออเดอร์จากเขา พอทำไปทำมาเริ่มมีคนมาตัดราคาเรา มากอปปี้แบบเสื้อผ้าเรา จากตอนแรกเราได้กำไรเยอะใช่ไหมค่ะ สุดท้ายก็มีคนกอปปี้ เช่นเราขายส่ง 350 มีคนตัดราคาเรา 220 พอทำไปทำมามันเริ่มไม่เวิร์ค ยอดขายวันละเกือบล้านแล้วพอตัดราคาแล้วเจอเหตุการณ์ไม่สงบบ้านเมือง มีประท้วงกีฬาสีเอย น้ำท่วมเอย ธุรกิจกระทบ ทำให้ขาดทุน ลูกค้าหาย เริ่มขายไม่ดีสุดท้ายก็ทยอยปิดตัว และมันอยู่ในช่วงจังหวะที่เราอิ่มตัวด้วยแล้ว คือเราไม่อยากบินไปเมืองจีนแล้ว เพราะตลอดที่ผ่านเราทำธุรกิจเสื้อผ้ามาเองคนเดียว คิดเอง ทำเอง ถึงจะมีพี่สาวเป็นหุ้นส่วนก็จริง แต่เราก็ต้องทำหมดทุกอย่าง จนมันรู้สึกชีวิตเบื่อ  อีกอย่างเราก็อยากมีคู่ชีวิตที่ทำธุรกิจด้วยกันไม่อยากทำคนเดียวสุดท้ายได้มาเจอแฟนที่ทำให้เหมยหันมาสู่เส้นทางธุรกิจใหม่ที่เรียกว่าทำกำไรแล้วไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน”

ช่วงที่เศรษฐกิจแย่ๆ ในฐานะเจ้าของธุรกิจมันก็เครียดเลยทำให้กลายเป็นคนหน้าหมองเป็นสิวเป็นฝ่าขึ้นเต็มหน้า “คือเรามีค่าเช่าร้านหลายแสน รวมค่าลูกน้องอีกตกเดือนหนึ่งประมาณ 4-5 แสน สุดท้ายก็ปิดกิจการไป จนได้มารู้จักแฟนแล้วช่วงนั้น เหมยดันไปซื้อครีมจากเน็ตมาใช้เพราะเพื่อนที่รู้จักเขาบอกซื้อครีมตัวนี้มาทาแล้วหน้าเขาขาวใสมาก เราเลยสั่งมาใช้ตาม 3 ชุดเลย ปรากฏว่าหน้าเราพัง!! สิวเห่อบุกเต็มหน้า!! แทบดูไม่ได้ หน้าแพ้แบบรุนแรง ตอนนั้นแย่มาก ธุรกิจก็พัง!! หน้าก็ยังมาพังอีก

ด้วยความที่แฟนเหมยเขาเคยทำเครื่องสำอาง เขาเลยคิดว่าหรือเราจะไปทำพวกเครื่องสำอางมาขาย เราก็บอกว่าขายใครละเขาจะเชื่อหน้าเราพังขนาดนี้  ตอนนั้นคิดหนักมากจนทะเลาะกับแฟนทุกวันเพราะเงินเริ่มร่อยหรอ ติดลบ ไหนจะค่าคอนโด ค่ารถ ค่าใช้จ่ายรายเดือน กลายเป็นว่าเริ่มบานปลาย จะทำครีมขายก็ยังตกใจกับหน้าที่พังมา ไปหาหมอสิวที่ดีที่สุดที่รีวิวในพันทิป เขาบอกต้องไปรอตั้งแต่แปดโมงเช้า ไปหาคลินิกผิวหนังหมดไปเป็นหมื่นแต่ก็ไม่หาย จนได้มาทำสบู่รักษากันเอง คือแฟนเหมยเขารู้อยู่แล้วว่าครีมทำที่ไหน สบู่ทำที่ไหนเลยได้คิดค้นเป็นสบู่สิว Vit C และสบู่สลายฝ้า ออกมาเป็นของตัวเอง เลยใช้ตัวนี้มาเรื่อยๆ พอล้างหน้าเสร็จจะใช้น้ำเกลือเช็ดหน้า ด้วยความที่เราเป็นคนหน้าแพ้ง่าย ทุกตัวที่เราใช้แล้วลองเอง คือถ้าเราไม่แพ้ลูกค้าก็ไม่แพ้ มันเลยเป็นสูตรสำเร็จที่คิดค้นและพัฒนาจนขายดีติดตลาด”
ล่าสุดเปิดตัวแรงแซงทางโค้งกับสบู่สลายฝ้าเจ้าเดียวในเมืองไทยที่มียอดขายแรงเร็วที่สุดตอนนี้มากกว่า 5 แสนก้อน “สินค้าที่ขายดีมากที่สุดอันดับหนึ่งของเราคือสบู่สลายฝ้าสีม่วง ใครเป็นสิวใช้สบู่สลายสิว เป็นชื่อในนามการขายคือสบู่สลายสิวสลายฝ้า แล้วตอนนั้นเราทำโปรแจกทองหนักให้กับตัวแทนแล้วมีการแจกสบู่สลายฝ้าให้ฟรี 1000 คนได้ใช้แล้วประทับใจสั่งออเดอร์กลับมามหาศาล เราเน้นขายออนไลน์อย่างเดียว ส่งไปที่จีน อินโดนีเซีย บ้าง โดยเฉพาะตัวสบู่สลายฝ้าของเราจะขายดีมากเป็นพระเอกของแบรนด์ So Skins ของเราเลยก็ว่าได้ เพราะคนมีปัญหาเรื่องฝ้าเยอะมาก เราคือสบู่สลายฝ้าเจ้าแรกในประเทศไทยที่ขายดีที่สุด ใช้แล้วหน้าไม่เปลี่ยนแปลงยินดีคืนเงิน  ถ้าใช้ไม่ดีจริงคืนเงินไปเลย และที่พิเศษสุดเราขายในราคา 100 บาทซึ่งมันถูกมากแต่คุณภาพยิ่งกว่าหลายเท่า”
แตกต่างจากสบู่สลายฝ้าตามท้องตลาด เจ๊เหมย เผยสูตรที่มาใส่สมุนไพรไทยผสมสารสกัดจากญี่ปุ่น “สบู่สลายฝ้าของเรามีส่วนประกอบ กลูต้าและวิตามินซีญี่ปุ่นนำเข้ามา ซึ่งจุดดีของมันคือมีปริมาณวิตามินซีที่มีความเข้มข้นคุณภาพสูงมาก เพราะเมื่อค่าวิตามีนซีมันสูง มันจะช่วยทำให้ผิวหน้าเรากระจ่างใสแล้วตัวกลูต้าก็ช่วยปรับสภาพผิวขาวอยู่แล้ว มันเลยเป็นสูตรที่ลงตัวทำให้ฝ้าจางหายกลายเป็นสบู่สลายฝ้าที่มาแรงที่สุด  ไม่พอเราเพิ่มสมุนไพรไทยที่มีความปลอดภัยนั่นคือขมิ้นทำให้ยับยั้งเม็ดสีเมลานินที่ทำให้ฝ้าเข้มกลายเป็นว่าสต๊อป!! หยุดไว้ ทำให้ขาวเพราะขมิ้นก็ช่วยทำให้ขาวอยู่แล้วแต่เราเพิ่มความขาวให้อีกเลยออกมาเป็นสูตรสลายฝ้าโดยเฉพาะเลยนะ ลูกค้ารีวีวมาเพียบ วันหนึ่งพี่ตอบไลน์ลูกค้าตอบแชทกันไม่ทัน ยิ่งช่วงนี้แดดแรง คนที่เป็นฝ้าเยอะมาก ลูกค้าเข้ามาหาเราเยอะ เพราะเขารู้ว่าเรารักษาได้”
ไม่เคยทิ้งคอนเซ็ป เจ๊เหมย แม่ค้าใจป้ำ เหมาทองแจกตัวแทน ให้หนำใจกับยอดขาย 5 แสนก้อน “เราแจกทองกระหน่ำให้กับลูกค้า สิ่งสำคัญเราทำธุรกิจเราไม่ได้หวังว่าเราจะเอากำไรอย่างเดียว  ไม่ใช่เอาสารไม่ดีถูกๆแล้วเอาไปขายแพงๆ ไม่ใช่!!เราไม่ทำ แต่เราจะเน้นคือต้องเห็นผล ถ้าไม่เห็นผลหนึ่งเราขายไป ถ้าเขาใช้ไม่ดีเขาจะกลับมาซื้อเราอีกเรอ

สำหรับเราต้องคุณภาพไว้ที่หนึ่ง ข้อที่สองการบริการต้องดี การใส่ใจในบริการของเรา จริงๆเหมยอยากทำธุรกิจหลายตัว แต่เราอยากโฟกัสเพื่อใส่ใจในการบริการ ออกมาต้องเพอเฟค เราเองพัฒนาสูตรให้ดียิ่งขึ้น ตัวนี้สบู่สลายฝ้าขายได้ประมาณ 5 แสนก้อน แปปเดียว ขายดีมาก ไปต่างประเทศไปจีน ประมาณ 20% ส่วนใหญ่จะขายในไทย เมดอินไทยแลนด์ ขายดีมากใครก็อยากใช้ เรามีตัวแทนเริ่มเข้ามาหาเรามากขึ้น ลูกค้าที่เขาซื้อกันขนาดนี้เพราะว่าแบรดน์ที่เราสร้างมาแข็งแรงมาหนึ่งปี ลูกค้าเขาไม่ได้ซื้อที่ละหนึ่งก้อนนะ เขาซื้อที่ละ 5 ก้อน บางคนซื้อ 10 ก้อน 20 ก้อนมันเลยทำให้ตัวแทนโฟลว์กับการขายออเดอร์ ยอดเข้ามา ขนาดตัวแทนปลีกคนทั่วไปซื้อที 5-10 ก้อน มีการรีออเดอร์จากตัวแทนมันเยอะ แล้วตัวแทนเราก็มีประมาณ 200 คนที่เขาขายเก่ง หลายคนสั่งที่ละพันก้อนจนกลายเป็นยอดวอลุ่มที่ 5 แสนก่อนได้ภายในระยะเวลาแปปเดียว”


เปิดตัวเชิดหน้าชูตา  มีการรีวีวจากทางบ้านลงพันทิปจนเจ้เหมย หน้าบาน  “ผลตอบรับเห็นผลดีมาก ต้นกำเนิดมาจากแม่ค้าหน้าพัง ไปใช้ครีมอย่างอื่นแพ้ สำหรับเหมย อยากบอกว่าเราไม่ได้มาในยุคที่เขาเห่อขายสกินแคร์ตามเน็ต แต่เราตั้งใจมา ไม่ใช่เขาขายดีเราอยากทำบ้างแต่เราตั้งใจทำ เช่นถ้าเราอยากจะขายดีกว่านี้เราก็ทำได้แต่เราไม่อยากไปทำขนาดนั้น เราอยากให้มันพร้อม สินค้าเราพัฒนาเพิ่มสูตรปรับสูตรมาเรื่อยๆ เราใช้ใจในการสร้างตัวนี้เพื่อผลตอบรับที่ดี เราทำสินค้าพรีเมี่ยมแต่เราขายในราคาถูก ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าเราทำแพง แต่เราใช้คุณภาพอย่างดี เนื้อครีมทำอย่างดี เรามองว่าเรารักลูกค้าก่อน เพราะถ้าเขารักสินค้า เราจากที่เขาซื้อไปแค่หนึ่งชิ้นเขากลับมาซื้อเพิ่ม 5 ชิ้น เราขายถูก สบู่ก่อนนี้ขาย 350 ก็ได้แต่เราไม่ขายเราอยากตอบแทนลูกค้า เขาใช้ดีเราก็ดีใจ เขาใช้หน้าเป็นสิวเป็นฝ้า เราเข้าใจหัวอกลูกค้าเพระเราเคยหน้าพังมาก่อน”


ทำไมลูกค้าใหม่หลายคนเวลามาซื้อไม่ใช่แค่ก้อนเดียวสองก้อนแต่เป็น 5 เป็น 10 ก้อน “เขาบอกว่าราคาน่าลอง สอง เหมย ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า รีวิวตัวเองเสมอๆเขาเลยมั่นใจในผลิตภัณฑ์ เขาเห็นแบรนด์เรามานานแล้วแต่สินค้าตัวอื่นมันแพงไปเช่นครีมทาหน้าเขาขายกัน 800 บาท พอเห็นสบู่ตัวนี้แล้วอยากลองเพราะบางคนกำลังซื้อไม่พอ ทำให้สบู่มาปัง แล้ววิธีการที่เราแจกฟรีลูกค้าสบู่ไป 1000 ก้อน เชื่อมั้ยจากที่แจกออกไปเราได้ลูกค้าที่รักแบรนด์เราเพิ่ม 600 คนกลับมาซื้อซ้ำ จากการแจกฟรี เขามากดไลค์ กดแชร์ในเพจ บอกต่อสินค้าใช้ดี เราใช้หลากหลายกลยุทธ์ในการสร้างความประทับใจกับลูกค้า”
“บางคนมาขอบคุณเราที่แบบไม่มีแบรนด์ไหนเคยให้ฟรีเลยพันก้อน เรารู้สึกว่าได้ช่วยคน เด็กบางคนหน้าสิวหน้าแหกเราช่วยเขาได้ให้สบู่ฟรีไป เขาใช้ดีแล้วไปตัดสบู่แบ่งกับน้อง คนในครบอบครัว เขามีความสุข คนเป็นฝ้าหน้าดำ สาวโรงงานหาย เราได้ช่วยคน  ให้เราได้มอบความสุข เขาหน้าดี เราเอาให้เขาใช้แล้วหน้าดีเราดีใจ ถึงแม้บางครั้งเราเจอลูกค้าแรงมาเราก็ไม่เคยด่าแรงกลับ การบริการที่เราให้ต้องดีก่อน ลูกค้าโวยวายมาเราบอกใจเย็นๆ เราไม่เคยลบเม้นลูกค้าเข้ามาด่า  ถึงจะมาไม่ดี เราตอบก็ยินดีตอบ ลูกค้าสามารถโวยวายได้แต่เราอย่าไปใจร้อน จนในที่สุดสบู่สลายฝ้าเราก็ดังและปังมากตัวนี้ จนกังวลว่าโรงงานจะผลิตไม่ทัน!!! คาดว่าภายในสิ้นปียอดเกินล้านก้อนแน่นอน ตอนนี้เราประสบความสำเร็จ มีแจกเงิน แจกทอง ให้กับคนที่ยังไม่มีงานทำ รับสมัครตัวแทนขายสบู่ขายดีมากใครสนใจก็สอบถามหรือติดต่อมาได้”

แหล่ง : http://www.thaihothit.com/hot-news/14066