Saturday, July 9, 2016

ช็อกวงการ !! หลังจากทะเลาะเล่นๆ ล่าสุดต้นหอมกับ อิม เฟี้ยวฟ้าว ตบกันไม่ยั้งแบบนี้ !??


หลังประกาศศึกแย่งพระเอกหนุ่ม แถมท้าตบกันลั่นโซเชี่ยลแล้ว ล่าสุด ก็มาถึงจุดนั้นจนได้ เมื่อดีเจต้นหอม-ศกุนตลา โพสต์ไอจีขณะปะหน้าเพื่อนสาว เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ หรือ อิม-อชิตะ พร้อมแคปชั่นว่า

 “ดูไว้นะลูกกว่าแม่จะได้พ่อมาต้องผ่านอะไรมาบ้าง @feawfoaw @sun_prachakorn #จัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิง”  

 ขณะที่ สาวเฟี้ยวฟ้าว ก็ไม่ยอมกันเลยทีเดียว โดยโพสต์ภาพใบหน้ามีร่องรอยบาดแผล พร้อมข้อความว่า “ตอนแรกก็กะจะไม่ไร แต่พึ่งเห็น..เตรียมทนายไว้เลยนะdjหอม จะเอาจะอี้ก่อด้าย!!!” ก่อนจะโพสต์ไอจีคลิปเดียวกันกับสาวต้นหอม พร้อมข้อความว่า

 “@djtonhorm @foawfeaw รักมาก เจ็บมาก.. 555อยากจบแบบนี้ใช่ไหม..ด้าย...สู้สุดใจเพื่อคนที่รัก5555 ดูละกันว่าเค้าจะเลือกใคร!!!!!! เพื่อนกันท้างนั้น555กรูเลือกเมิงดีฟ่า มันส์กว่าเยอะ เยิฟอาหอม”

 โดยล่าสุด สาวต้นหอม ก็โพสต์ภาพสวีตกับพระเอกหนุ่ม พร้อมข้อความบาดใจสาวเฟี้ยวฟ้าวด้วยว่า

 “มึงผ่อเอาเต๊อะอิม จังหวะการงุ้มมือของปู้ชายมีการประสานอย่างกลมเกลียวแนบแน่น ปู้ชายมีความไข้ได้ในตั๋วเปิ้ล สูต้องตั๋ดใจ๋ฮู้ก่อ #สุมาเต๊อะ คนเขาฮักกั๋นมึงจะมาแทรกกลางยะหยัง #ภาพจาก ซุปตาร์ปาร์ตี้ #ชิงลงรูปก่อนเพราะพุ่งนี้อิเฟี้ยวฟ้าวจัดกุยับแน่5555 @sun_tonhorm @suntonhorm” สร้างความฮากับแฟนคลับเลยทีเดียว





แหล่ง : http://www.siamupdate.com/news-183667

เอาอีกแล้ว !! ครูสาวหน้าตาดี ถูกฆ่าอย่างสยอง ที่แท้คนดังแบบนี้เองหรอ ที่ทำ !??


ช็อก'หลานนักการเมือง'ทารุณ ทุบ'ครูสาว'สมองแตกดับ
ครูสาวตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมอีกแล้ว คราวนี้เกิดขึ้นร้อยเอ็ด โดนทุบตีหัวฟาดพื้นจนสมองแตกตาย ฝีมือ "หลานชายนักการเมือง" พ่อแม่ร่ำไห้ หวั่นคดีเงียบ เหตุมือโหดยังเชิดหน้าลอยนวลอยู่
 
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายแสง และนางทองพูน สีสด อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 6 ต.โคกกกม่วง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ว่า ได้เข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว หลังจากลูกสาวซึ่งเป็นครูถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บสาหัส กระทั่งถึงแก่ความตาย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและคดีอาจล่าช้าโดยในวันนี้ครอบครัวได้นำร่างผู้เสียชีวิตมาทำพิธีฌาปนกิจ เพื่อส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่สุขคติ ภายในวัดดป่าศรีดงกลาง ต.โคกกกม่วง ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก 
 
นางทองพูน เล่าว่า ลูกสาวคือ นางเสริมศิริ สีสด หรือนักเรียนจะเรียกเล่นๆว่า "ครูต้อย" เป็นครู คศ.3 สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด มีลูกติดอยู่ 1 คน ได้ถูกเพื่อนชายที่เป็นหลานของนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ดังกล่าว ก่อเหตุทำร้ายร่างกายรุนแรง ทั้งทุบตี ทั้งจับศีรษะฟาดพื้นจนสลบเหมือดในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. แพทย์ รพ.ร้อยเอ็ด ตรวจดูสภาพแล้วน่าเป็นห่วง เพราะเบ้าตาแตก ใบหน้าปูดบวม ลำตัวฟกช้ำ ที่สำคัญเส้นเลือดในสมองบวมและแตกด้วย จึงรีบส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น กระทั่งเสียชีวิตในที่สุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา
 
"แม่ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เสลภูมิ แล้ว จากนั้นก็มายุ่งอยู่แต่กับการจัดงานศพ ไม่มีเวลาตามเรื่อง ไม่รู้เลยว่าการสืบสวนไปถึงไหน รู้แค่ว่าผู้ชายที่ทำลูกเป็นหลานนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังที่ใครๆก็รู้จัก ตอนนี้เขายังเดินเชิดฉายลอยนวลอยู่เลย ทั้งๆที่มีพยานตั้งหลายปาก แม่กลัวเหลือเกิน กลัวว่าเรื่องจะเงียบ กลัวว่าจะเป็นมวยล้มอีกคดี"...


แหล่ง : http://www.siamupdate.com/news-183665

"ครูปอ" ร้องทุกข์ถูกเพจเถื่อน นำรูป-ประวัติไปแอบอ้างว่าเป็นฆาตรกรฆ่าคนตาย


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” รับแจ้งจาก น.ส.พนิดา ยาทองไชย หรือคุณครูปอ อายุ 27 ปี ครูภาษาไทย ร.ร.บ้านโพนแพง (เจียรวนนท์อุทิศ 5) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต 1 ต.โพธิไพศาล อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนครสกลนคร ว่าถูกนำรูปภาพไปแอบอ้างใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรฆ่าปาดคอชาวต่างชาติ และล่าสุดถูกทางการสั่งจำคุกเป็นเวลา 4 ปี โดยลำดับเหตุการณ์ว่า ก่อนหน้านี้เพจ “สมาคมครูหน้าตาดี แห่งประเทศไทย” ในสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊ก ได้นำรูปภาพพร้อมประวัติของตนไปเผยแพร่ ต่อมาเว็บไซต์แห่งหนึ่งได้นำรูปและรายละเอียดของตนที่เผยแพร่อยู่ในเพจสมาคมครูหน้าตาดีฯ ไปจัดอันดับ 10 คุณครูน่ารักอีก ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยคิดมากเพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย จนกระทั่งวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ญาติได้ส่งข้อความมาบอกว่าเห็นรูปตนถูกแชร์ต่อๆ กันอย่างกว้างขวางในเฟซบุ๊กว่าเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย
ครูปอ เล่าต่อว่า เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าเป็นรูปเดียวกันกับที่เคยลงในเพจข้างต้น โดยต้นข่าวมาจากเพจปลอมที่นำชื่อเว็บไซด์ข่าวหนังสือพิพม์ฉบับหนึ่งมาแอบอ้าง พร้อมพาดหัวข่าวว่า “ตัดสินแล้ว! จำคุก 4 ปี ครูสาวฆ่าปาดคอพม่าที่จะข่มขืน อ้างไม่ขึ้น! ป้องกันตัว” ซึ่งเพจข่าวปลอมได้เต้าข่าวว่าตนเป็นครูสอนภาษาไทยสังกัดโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุใช้มีดปังตอฟันต้นคอคนงานก่อสร้างสัญชาติพม่าจนเสียชีวิตภายในบ้านพักครูหลังโรงเรียน โดยระบุว่าตนได้อ้างกับทางการว่าเป็นการป้องกันตัว แต่เนื่องจากหลักฐานจากกล้องวงจรปิดไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และถูกตัดสินจำคุกทันทีเป็นเวลา 4 ปี

“อ่านแล้วรู้สึกตกใจอย่างมาก เนื่องจากเราไม่ได้เป็นคนทำ และการที่เพจปลอมดังกล่าวนำรูปและข้อมูลจริงของเราที่ปรากฏในเพจสมาคมครูหน้าตาดี ไปโยงกับคดีฆาตรกรรมอาจทำให้คนที่รู้จักเราหลงเชื่อในข้อมูลเท็จได้ จึงปรับทุกข์กับคนรู้จักหลายๆ คน โดยส่วนแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดี จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะรู้สึกว่าเราเสื่อมเสียชื่อเสียง และนอกจากตัวเราจะเป็นทุกข์แล้ว ครอบครัวญาติพี่น้องยังต้องมาเป็นทุกข์ไปกับเราด้วย” น.ส.พนิดา กล่าวและว่า โดยวันนี้จะเดินทางไปสภ.เมืองสกลนครอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า และนำหลักฐานที่รวบรวมมาเพิ่มเติมส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สืบสวนสอบสวนติดตามตัวผู้ที่เอารูปและข้อมูลตนไปแอบอ้างมาดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับเรื่องจากน.ส.พนิดาเสร็จ ได้สืบค้นเข้าไปที่เพจ “สมาคมครูหน้าตาดี แห่งประเทศไทย” ก่อนพบว่าตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางแอดมินได้นำรูปเพจปลอมมาแชร์พร้อมระบุว่าเป็นข่าวปลอม ขอให้เพื่อนครูและแฟนเพจช่วยกันกระจายข่าวให้หยุดแชร์ต่อ

วันเดียวกัน ครูปอได้เดินทางเข้าแจ้งความ ต่อ ร.ต.อ.อำนวย จำปาโพธิ์ ร้อยเวร สภ.เมืองสกลนคร  เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำรูปตนเองไปเผยแพร่ว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมในโลกโซเชียล โดยน.ส.พนิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึงผู้ที่ชอบใช้ไลน์ ใช้เฟซบุ๊ก ว่า บางครั้งก็อาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว การจะโพสต์หรือแชร์อะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน ขอให้เรื่องครั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ สำหรับตน ตอนนี้แทบจะปิดโทรศัพท์หนีเพราะมีการโทรมาสอบถามจนปวดหัวแล้ว รับว่ามีผลกระทบมาก เพราะไม่ใช่เรื่องจริง คนอยู่ใกล้ตัวพอชี้แจงได้ แต่คนที่อยู่ไกลตัวเราจะแก้ไขทำให้เขาเข้าใจอย่างไร ชาวพม่าก็ไม่เคยรู้จัก แล้วจะไปฆ่าเขาได้อย่างไร คิดว่าคนที่ทำแบบนี้ขึ้นมาเขาฆ่าหนูแล้ว...


แหล่ง :  http://www.khaosod.co.th

แทบช็อก!! เพื่อนหนุ่มมากอดด้วยมือซ้าย มือขวาไม่คิดจะทำแบบนี้ หัวใจสลายคาอ้อมกอด !???


เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.50 วันที่ 8 ก.ค. พ.ต.ท.บัณฑิต หัตถพิถีพันธุ์ สวป.สภ.เขาหลัก ร.ต.ท.สาโรจน์ มุสิกวงศ์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เขาหลัก ได้รับแจ้ง มีเหตุชายยิงตัวตาย บริเวณป่าสน ซ.สำนักสงฆ์ผดุงธรรมโพธิวาส ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จึงได้ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย กำนันตำบลคึกคัก ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.คึกคัก หน่วยกูภัยคึกคัก กู้ภัยเขาหลัก
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบ รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อเชฟโรเลต ป้ายทะเบียน กย 6910 นครศรีธรรมราช สีเทาอมน้ำตาลจอดอยู่ ใกล้กัน มีชายใส่เสื้อโปโลสีเทา กางเกง 3 ส่วนสีเทานอนจมกองเลือด พบปืนสั้นยี่ห้อ กล๊อก 9 ม.ม. สีดำ 1 กระบอก ภายในมีกระสุน 1 นัด ใกล้กันมีปลอกกระสุน 1 นัด ภายในรถพบกล่องสำหรับใส่ปืน มีกระสุนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 9 นัด อยู่ด้านใน มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ในรถจำนวนมาก มีเหล้าอยู่ในแก้วพลาสติกบริเวณที่วางแก้วข้างพวงมาลัย
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายณัฐพล สมบัติชัย อดีตเลขานุการองค์การบริหารส่วนตำบลเขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อายุ 35 ปี ขับรถจากจังหวัดนครศรีธรรมราช มายัง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อมารับเพื่อนสาวคนสนิทกลับไปทำงานที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยขับรถเข้าไปรับเพื่อนสาวที่บ้านพักก่อนจะเข้าไปในป่าสนเพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาทางใจกับเพื่อนสาวคนสนิท แต่ไม่สำเร็จ จึงโยนกุญแจรถทิ้ง ทำให้เพื่อนสาวต้องออกไปหากุญแจรถ จากนั้นนายณัฐพล สมบัติชัย จึงออกจากรถไปกอดเพื่อนสาวด้วยมือซ้าย ก่อนจะใช้มือขวาชักปืนมาลั่นไกเป่าขมับด้านขวาทะลุขมับด้านซ้าย
จึงได้ประสานไปยังหน่วยพิสูจน์หลักฐาน เพื่อที่จะมาตรวจสอบเขม่าดินปืนที่มือของทั้งคู่ ก่อนจะแจ้งให้ญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลศพต่อไป ส่วนสาเหตุของการปลิดชีพในครั้งนี้ อาจเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สินจำนวนมาก ประกอบกับไม่สามารถเคลียร์ปัญหาทางใจได้ลงตัว


แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183658