Friday, July 8, 2016

คืบหน้าล่าสุด!! ผลการชันสูตรศพ “ครูอิ๋ว” เจอแบบนี้!! ทำเอาชาวเน็ตช้อกหนักกว่าเดิม


คืบหน้าล่าสุด!! ผลการชันสูตรศพ “ครูอิ๋ว”  ไม่พบร่องรอบถูกข่มขืน! เเต่ต้องเจอโทษหนัก!! 
สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.จุฬารัตน์  หรือครูอิ๋ว เหยื่อถูกฆ่าปาดคอ ดับคาห้องพัก ในอ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันที่ 8 ก.ค. ด้านพล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า จากการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตไม่พบบาดแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ และไม่พบอสุจิอยู่ในร่างกายแต่อย่างใด แต่พบเพียงบาดแผลซึ่งถูกของมีดคมทำร้ายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่บริเวณลำคอ ซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง
จากการรวบรวบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่า คราบดีเอ็นเอที่อยู่บนร่างกายของผู้เสียชีวิตและบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นตรงกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหา รวมถึงจากการตรวจสอบห้องพักของผู้ต้องหายังพบคราบเลือด ของผู้เสียชีวิตติดอยู่อีกด้วย
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้ามีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า  ผู้ต้องหาประสงค์ที่จะข่มขืน และชิงทรัพย์ผู้เสียชีวิต  เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มเติมจากข้อหาเดิม ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

ชมคลิป



แหล่ง : http://ka.upyim.com/2170/

โคตรเลว !! รู้ตัวแล้ว สาวถูกฆ่าทิ้งศพริมรั้ว เปลือยโดนปาดคอ ที่แท้คนนี้ทำเองหรอ !??


สืบเนื่องจากเมื่อวันทื่ 8  ก.ค. หลังมีคนพบศพสาวถูกปาดคอเสียชีวิตสภาพเปลือยกาย ริมรั้วในซอยสะแกงาม 26 แยก 1 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน  พบหลักฐานใกล้ตัวผู้ตาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
ต่อมาจากการตรวจสอบ  ทราบว่า ผู้ตายคือ น.ส.ทุเรียน รอดคำทุย อายุ 24 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานีพนักงานทดลองงาน บริษัท วนวิทย์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
 
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายมีปัญหาทะเลาะอยู่กับสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนของเพื่อน เพื่อนผู้ตายเล่าว่า  ก่อนเสียชีวิตผู้ตายซ้อนรถจักรยานยนต์ออกไปกับนายมิน อายุ 28 ปี ชาวเมียนมาที่คบหากันมาระยะหนึ่ง เมื่อช่วงประมาณ 2 ทุ่มของคืนวันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัว ของนายมินที่บ้านพัก เพื่อนำตัวมาสอบสวน แต่ปรากฏว่าหายตัวไปแล้ว พร้อมกับน.ส.เซน อายุ 25 ปี ภรรยาที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน  และในเช้าวันต่อมาทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้ามาทำงาน
 
จากการสอบปากคำเจ้าของร้านชำ พบว่าผู้ตายมานั่งดื่มเบียร์อยู่กับนายมิน ก่อนเสียชีวิต  ในคืนวันเกิดเหตุ นายมิน กับผุ้ตายมานั่งดื่มเบียร์ 6 ขวด กระทั่งเวลา 22.30 น. เรียกให้ผู้ตายขึ้นซ้อยท้ายรถกลับ แต่ผู้ตายมีท่าทีไม่อยากขึ้นจนเกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย ก่อนจะพากันออกจากร้านไปทางถนนเลียบด่วนสุขสวัสดิ์-บางนา
 
ขณะนี้ตำรวจพอจะรู้ตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นใคร มีพยานหลักฐานชี้ชัดพอสมควร จะออกหมายจับคนร้ายได้ในวันนี้ได้ประสานไปยังด่าน ตม.ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมา เพื่อเฝ้าจับกุมตัวแล้ว คาดยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย


แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183651

แม่ใจสลายซ้ำ !! รีบไปรับ ครูอิ๋ว ที่ห้องเช่า หลังลูกมาหาแม่ แล้วพูดแบบนี้ !??


พ่อ แม่ และแฟนหนุ่ม “ครูอิ๋ว” ครูสาวเหยื่อฆาตกรรมโหดคาห้องเช่าที่ จ.สระบุรี ย้อนทำพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้านอีกรอบ หลังไปเข้าฝัน บอกว่ายังกลับบ้านไม่ได้  มีเจ้าอาวาสวัดบ้านเกิดมาเป็นผู้ทำพิธี พร้อมขนของใช้ส่วนตัวผู้ตายกลับไปด้วย…
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 8 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สระบุรี ว่าครอบครัวของ ‘ครูอิ๋ว’ น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา ครู โรงเรียนแสงวิทยา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ถูกฆาตกรรม คนร้ายเชือดคอเสียชีวิตภายในห้องพักในเขตเทศบาลเมืองแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้เดินทางมายังห้องเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณครูสาวกลับบ้านอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางครอบครัวผูตาย ได้ทำพิธีมาครั้งหนึ่ง หลังวันที่พบศพ แต่มีเพื่อนของครูอิ๋ว ฝันเห็นว่าผู้ตายยังไม่ได้กลับบ้าน และบอกว่าเจ็บคอมาก รวมทั้งนายสนิท โทวรรณา ผู้เป็นพ่อของครูอิ๋วเอง ก็เชื่อว่า วิญญาณของลูกสาวยังคงอยู่ที่เดิม เนื่องจากการทำพิธีในครั้งแรกนั้น ทางตำรวจไม่ยอมให้เปิดห้องเกิดเหตุ เพราะกลัวว่าจะไปทำลายร่องรอยหลักฐานต่างๆ
 สำหรับครอบครัวมาที่ประกอบด้วยนายสนิท โทวรรณา อายุ 59 ปี พ่อ นางจันทร์ศรี โทวรรณา อายุ 59 ปี แม่ น.ส. ศริญญา โควรรณา อายุ 33 ปี พี่สาว ร.ต.ต.ธเนตร แก้วหาญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส แฟนหนุ่ม และพระอธิการบัวกัน จันทะสะดร เจ้าอาวาสวัดบ้านบุ่งค้า หมู่ 3 ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด วัดในหมู่บ้านที่ประกอบพิธีเผาศพ เดินทางโดยรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ผ 8374 ขอนแก่น มีร.ต.ต.ธเนตร เป็นคนขับ แจ้งกับคนดูแลสถานที่ ขอเปิดห้องพักเกิดเหตุ นำพานบายศรี และพานที่ทำคล้ายขันห้า เข้าไปทำพิธีอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่นางจันทร์ศรี ผู้เป็นแม่จะเดินถือรูปของลูกสาวออกมา มีพระอธิการบัวกันจูงสายสิญจน์เดินนำหน้า จากนั้นมีการถอยรถไปจอดหน้าห้อง ขนสิ่งของจำพวกโต๊ะ เก้าอี้ ของใช้ส่วนตัวของผู้ตายขึ้นรถ แล้วเดินทางกลับทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีครอบครัวของครูอิ๋วแจ้งว่า ภายหลังเก็บเถ้าและกระดูกและทำพิธีลอยอังคารในวันที่ 9 ก.ค.แล้ว ทางครอบครัวจะเดินทางมาทำพิธีเชิญวิญญาณครูอิ๋ว กลับบ้านในใตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.นี้ โดยขอความเป็นส่วนตัว ไม่อยากถูกรบกวน แต่ปรากฏว่า พ่อ แม่ และแฟนหนุ่ม ได้เดินทางมาทำพิธีในช่วงเย็นวันศุกร์ คาดว่าคงไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวรู้ และตามถ่ายรูปทำข่าวจนเป็นการรบกวนการทำพิธี.

แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183649

ด่วน !! ผลตรวจศพ ครูอิ๋ว ออกมาแล้ว ที่ทำแบบนี้ก่อนฆ่า จัดข้อหาหนักแบบนี้แล้ว !??

ผบช.ภ.1 แถลงผลการตรวจศพ ‘ครูอิ๋ว’ ถูกฆ่าในห้องเช่าที่สระบุรี ไม่พบร่องรอยถูกข่มขืน แต่ถูกแทงเป็นแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะที่ลำคอถึง 4 แผล ชี้คนร้ายมีเจตนาทั้งข่มขืน-ชิงทรัพย์ เพิ่มข้อหาเป็นฆ่าโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน...  
วันที่ 8 ก.ค.59 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงข่าวความคืบหน้า กรณีนายชาตรี ร่วมสูงเนิน ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าปาดคอ นางสาวจุฬารัตน์ หรือ ครูอิ๋ว โทวรรณา ถึงแก่ความตายในห้องพัก ถนนสุดบรรทัด ซอย 8 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรีเมื่อเช้ามืดวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ต่อมา ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายชาตรี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุรายนี้ไว้ได้ โดยพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอยได้รวบรวมพยานหลักฐานพยานบุคคลพร้อมทั้งคำรับสารภาพ ที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ไว้เป็นหลักฐาน และสอบพยานบุคคลไปแล้วกว่า 18 ราย เพื่อสรุปจำนวนเพื่อเสนออัยการจังหวัดสระบุรี
ด้านพล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า จากการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิต ไม่พบบาดแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ และไม่พบอสุจิอยู่ในร่างกายแต่อย่างใด แต่พบเพียงบาดแผลซึ่งถูกของมีดคมทำร้ายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่บริเวณลำคอ ซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง
ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง ระบุว่า จากการรวบรวบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่า คราบดีเอ็นเอที่อยู่บนร่างกายของผู้เสียชีวิตและบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นตรง กับดีเอ็นเอของผู้ต้องหา รวมถึงจากการตรวจสอบห้องพักของผู้ต้องหายังพบคราบเลือดของผู้เสียชีวิตติด อยู่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า ผู้ต้องหามีความพยายามประสงค์ที่จะข่มขืน และชิงทรัพย์ผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มเติมจากข้อหาเดิม ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

แหล่ง :  http://www.siamupdate.com/news-183640

แฉหมดไส้! อดีตเจ้าแม่ประตูน้ำตกอับ ขายยังไงเพียง10 วัน กำไรทะลัก 50 ล้าน


หากจะพูดถึงแม่ค้าขายส่งเสื้อผ้าย่านประตูน้ำรายใหญ่และใจถึง ต้องมีชื่อ “เจ๊เหมย” เฟสบุค กัลยา ทวีอภิรดีทองคำ ติดหนึ่งอยู่ในนั้นแน่นอนเพราะเธอเองมีร้านขายส่งเสื้อผ้าเจ้าแรกๆที่เอามาจากจีนมากถึง 5 ร้านทั้งตรงฝั่งห้างแพลตินั่ม ขยายธุรกิจใหญ่โตมีกำไรเดือนหนึ่งมากถึง 3-5 ล้าน มีลูกน้องหลายสิบคน เดือนๆหนึ่ง ต้องเดินทางบินไปเมืองจีน ไปกวางโจวสั่งโรงงานผลิตจากที่นั่นนำเสื้อผ้าแฟชั่น กระโปรง แบบใหม่ๆ มาขาย แต่สุดท้ายเจอสภาวะเศรษฐกิจพ่นพิษ โดนคู่แข่งขายตัดราคาการแข่งขันสูงทำให้เจ้าตัวต้องปิดกิจการหันมาเอาดีกับการทำสบู่สลายฝ้าสีม่วงที่ตอนนี้ขายดีมากที่สุดในประเทศ ยอดถล่มมากกว่า 7 แสนก้อนแล้ว สร้างยอดขายมากกว่า 50 ล้านบาทภายในระยะไม่กี่วันหลังจากผลิตออกมา เรียกว่าเป็นสบู่สำหรับคนหน้าเป็นฝ้าที่มาแรงที่สุด เผยชีวิตการต่อสู้ก่อนจะมาเป็น เจ๊เหมย แพลทตินั่ม ว่า เริ่มไต่เต้าจากการเป็นลูกน้องเขาก่อนพอรู้ลู่ทางรวยเลยคิดการใหญ่มาเปิดร้านเสื้อผ้าเอง!!

“เหมยเริ่มต้นด้วยการไปสมัครทำงานที่ร้านขายส่งเสื้อผ้าตรงประตูน้ำเป็นลูกจ้างเขา เขาให้ยืนก็ยืนทั้งวัน เป้าหมายเราคือไปฝึกเพื่อรู้ขั้นตอนทุกอย่างว่าขายยังไงจนพอผ่านไป 15 วันเราลาออกเพื่อไปเปิดร้านเสื้อผ้าเองที่แพลทตินั่มเป็นของตัวเอง ตอนนั้นหาเงินมาหุ้นกับพี่สาวรวมค่าเช่าที่ต้องจ่ายช่วงแรกประมาณสองหมื่นบาท รวมค่าหมัดจำอีกสองหมื่น ทั้งหมดจ่ายไปสี่หมื่นบาท เหมยก็เริ่มเปิดร้านของตัวเอง โดยที่เราบินไปเมืองจีนเลยเพื่อไปเอาเสื้อผ้ามาขาย  และก่อนจะเปิดร้านเหมยนั่งรถเมล์ไปตามตลาดนัดเพื่อไปแจกนามบัตรให้กับแม่ค้ารายย่อยว่าเรามีสินค้ากระจายขายส่งมาเยอะมาก พวกเสื้อผ้าแฟชั่น เพื่อให้เขามารับกับเรา”
รู้ลู่ทางทำมาหากินบวกกับหัวการค้าพูดภาษาจีนได้เพราะเป็นลูกครึ่งไต้หวัน ทำให้เจ๊เหมย ขายดีมีกำไรงามจากการเปิดร้านเสื้อผ้าจากหลักแสนกลายมามีกำไรหลายล้านต่อเดือน “เหมยสั่งเสื้อผ้าแบบต่างๆจากจีน ดันขายดีมาก เช่นเราซื้อมาตัวละ 100 หรือ 110 เราขายส่งตัวละ 150 บาทเพราะว่าขายส่งมันได้กำไรแค่ 40-50 บาทต่อชิ้นแต่ปริมาณเยอะๆ  เช่นแบบหนึ่งๆสั่งกันที่ 100-200 ตัว ก็คือเยอะ แล้วเรามีแบบเสื้อผ้าเป็น 30-40 แบบเริ่มขายดีจากหลักร้อยตัว กลายเป็นหลายพันตัวต่อหนึ่งแบบ จากนั้นเหมยก็ขยายสาขา แพลทตินั่มจากตอนแรกมีร้านเดียวขยายเพิ่มเป็น  2 ร้าน ค่าเช่าข้างล่างเดือนละแสนเจ็ด ข้างบนเดือนละแสนห้า ขยายจากแพลทตินั่มก็มาเปิดร้านอีกห้างตรงข้ามแพลทตินั่มอีก 3 ร้าน รวมทั้งหมดเรามีร้านขายส่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายทั้งหมด 5 ร้าน”
เผยยอดขายหลายสิบล้านต่อเดือน กำไรขั้นต่ำ 3-5 ล้าน วันหนึ่งๆเงินผ่านมือวันละล้านถือว่าเป็นเรื่องปกติ  “ธุรกิจโต เหมยต้องใช้ลูกน้องเยอะ ยอดขายดีนะ บางตัวเราขายได้กำไรตัวละ 150  ตอนนั้นมีลูกค้าจากทางบรูไน มารับทีมูลค่าเป็นล้านๆเลยนะออเดอร์จากเขา พอทำไปทำมาเริ่มมีคนมาตัดราคาเรา มากอปปี้แบบเสื้อผ้าเรา จากตอนแรกเราได้กำไรเยอะใช่ไหมค่ะ สุดท้ายก็มีคนกอปปี้ เช่นเราขายส่ง 350 มีคนตัดราคาเรา 220 พอทำไปทำมามันเริ่มไม่เวิร์ค ยอดขายวันละเกือบล้านแล้วพอตัดราคาแล้วเจอเหตุการณ์ไม่สงบบ้านเมือง มีประท้วงกีฬาสีเอย น้ำท่วมเอย ธุรกิจกระทบ ทำให้ขาดทุน ลูกค้าหาย เริ่มขายไม่ดีสุดท้ายก็ทยอยปิดตัว และมันอยู่ในช่วงจังหวะที่เราอิ่มตัวด้วยแล้ว คือเราไม่อยากบินไปเมืองจีนแล้ว เพราะตลอดที่ผ่านเราทำธุรกิจเสื้อผ้ามาเองคนเดียว คิดเอง ทำเอง ถึงจะมีพี่สาวเป็นหุ้นส่วนก็จริง แต่เราก็ต้องทำหมดทุกอย่าง จนมันรู้สึกชีวิตเบื่อ  อีกอย่างเราก็อยากมีคู่ชีวิตที่ทำธุรกิจด้วยกันไม่อยากทำคนเดียวสุดท้ายได้มาเจอแฟนที่ทำให้เหมยหันมาสู่เส้นทางธุรกิจใหม่ที่เรียกว่าทำกำไรแล้วไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน”

ช่วงที่เศรษฐกิจแย่ๆ ในฐานะเจ้าของธุรกิจมันก็เครียดเลยทำให้กลายเป็นคนหน้าหมองเป็นสิวเป็นฝ่าขึ้นเต็มหน้า “คือเรามีค่าเช่าร้านหลายแสน รวมค่าลูกน้องอีกตกเดือนหนึ่งประมาณ 4-5 แสน สุดท้ายก็ปิดกิจการไป จนได้มารู้จักแฟนแล้วช่วงนั้น เหมยดันไปซื้อครีมจากเน็ตมาใช้เพราะเพื่อนที่รู้จักเขาบอกซื้อครีมตัวนี้มาทาแล้วหน้าเขาขาวใสมาก เราเลยสั่งมาใช้ตาม 3 ชุดเลย ปรากฏว่าหน้าเราพัง!! สิวเห่อบุกเต็มหน้า!! แทบดูไม่ได้ หน้าแพ้แบบรุนแรง ตอนนั้นแย่มาก ธุรกิจก็พัง!! หน้าก็ยังมาพังอีก

ด้วยความที่แฟนเหมยเขาเคยทำเครื่องสำอาง เขาเลยคิดว่าหรือเราจะไปทำพวกเครื่องสำอางมาขาย เราก็บอกว่าขายใครละเขาจะเชื่อหน้าเราพังขนาดนี้  ตอนนั้นคิดหนักมากจนทะเลาะกับแฟนทุกวันเพราะเงินเริ่มร่อยหรอ ติดลบ ไหนจะค่าคอนโด ค่ารถ ค่าใช้จ่ายรายเดือน กลายเป็นว่าเริ่มบานปลาย จะทำครีมขายก็ยังตกใจกับหน้าที่พังมา ไปหาหมอสิวที่ดีที่สุดที่รีวิวในพันทิป เขาบอกต้องไปรอตั้งแต่แปดโมงเช้า ไปหาคลินิกผิวหนังหมดไปเป็นหมื่นแต่ก็ไม่หาย จนได้มาทำสบู่รักษากันเอง คือแฟนเหมยเขารู้อยู่แล้วว่าครีมทำที่ไหน สบู่ทำที่ไหนเลยได้คิดค้นเป็นสบู่สิว Vit C และสบู่สลายฝ้า ออกมาเป็นของตัวเอง เลยใช้ตัวนี้มาเรื่อยๆ พอล้างหน้าเสร็จจะใช้น้ำเกลือเช็ดหน้า ด้วยความที่เราเป็นคนหน้าแพ้ง่าย ทุกตัวที่เราใช้แล้วลองเอง คือถ้าเราไม่แพ้ลูกค้าก็ไม่แพ้ มันเลยเป็นสูตรสำเร็จที่คิดค้นและพัฒนาจนขายดีติดตลาด”
ล่าสุดเปิดตัวแรงแซงทางโค้งกับสบู่สลายฝ้าเจ้าเดียวในเมืองไทยที่มียอดขายแรงเร็วที่สุดตอนนี้มากกว่า 5 แสนก้อน “สินค้าที่ขายดีมากที่สุดอันดับหนึ่งของเราคือสบู่สลายฝ้าสีม่วง ใครเป็นสิวใช้สบู่สลายสิว เป็นชื่อในนามการขายคือสบู่สลายสิวสลายฝ้า แล้วตอนนั้นเราทำโปรแจกทองหนักให้กับตัวแทนแล้วมีการแจกสบู่สลายฝ้าให้ฟรี 1000 คนได้ใช้แล้วประทับใจสั่งออเดอร์กลับมามหาศาล เราเน้นขายออนไลน์อย่างเดียว ส่งไปที่จีน อินโดนีเซีย บ้าง โดยเฉพาะตัวสบู่สลายฝ้าของเราจะขายดีมากเป็นพระเอกของแบรนด์ So Skins ของเราเลยก็ว่าได้ เพราะคนมีปัญหาเรื่องฝ้าเยอะมาก เราคือสบู่สลายฝ้าเจ้าแรกในประเทศไทยที่ขายดีที่สุด ใช้แล้วหน้าไม่เปลี่ยนแปลงยินดีคืนเงิน  ถ้าใช้ไม่ดีจริงคืนเงินไปเลย และที่พิเศษสุดเราขายในราคา 100 บาทซึ่งมันถูกมากแต่คุณภาพยิ่งกว่าหลายเท่า”
แตกต่างจากสบู่สลายฝ้าตามท้องตลาด เจ๊เหมย เผยสูตรที่มาใส่สมุนไพรไทยผสมสารสกัดจากญี่ปุ่น “สบู่สลายฝ้าของเรามีส่วนประกอบ กลูต้าและวิตามินซีญี่ปุ่นนำเข้ามา ซึ่งจุดดีของมันคือมีปริมาณวิตามินซีที่มีความเข้มข้นคุณภาพสูงมาก เพราะเมื่อค่าวิตามีนซีมันสูง มันจะช่วยทำให้ผิวหน้าเรากระจ่างใสแล้วตัวกลูต้าก็ช่วยปรับสภาพผิวขาวอยู่แล้ว มันเลยเป็นสูตรที่ลงตัวทำให้ฝ้าจางหายกลายเป็นสบู่สลายฝ้าที่มาแรงที่สุด  ไม่พอเราเพิ่มสมุนไพรไทยที่มีความปลอดภัยนั่นคือขมิ้นทำให้ยับยั้งเม็ดสีเมลานินที่ทำให้ฝ้าเข้มกลายเป็นว่าสต๊อป!! หยุดไว้ ทำให้ขาวเพราะขมิ้นก็ช่วยทำให้ขาวอยู่แล้วแต่เราเพิ่มความขาวให้อีกเลยออกมาเป็นสูตรสลายฝ้าโดยเฉพาะเลยนะ ลูกค้ารีวีวมาเพียบ วันหนึ่งพี่ตอบไลน์ลูกค้าตอบแชทกันไม่ทัน ยิ่งช่วงนี้แดดแรง คนที่เป็นฝ้าเยอะมาก ลูกค้าเข้ามาหาเราเยอะ เพราะเขารู้ว่าเรารักษาได้”
ไม่เคยทิ้งคอนเซ็ป เจ๊เหมย แม่ค้าใจป้ำ เหมาทองแจกตัวแทน ให้หนำใจกับยอดขาย 5 แสนก้อน “เราแจกทองกระหน่ำให้กับลูกค้า สิ่งสำคัญเราทำธุรกิจเราไม่ได้หวังว่าเราจะเอากำไรอย่างเดียว  ไม่ใช่เอาสารไม่ดีถูกๆแล้วเอาไปขายแพงๆ ไม่ใช่!!เราไม่ทำ แต่เราจะเน้นคือต้องเห็นผล ถ้าไม่เห็นผลหนึ่งเราขายไป ถ้าเขาใช้ไม่ดีเขาจะกลับมาซื้อเราอีกเรอ

สำหรับเราต้องคุณภาพไว้ที่หนึ่ง ข้อที่สองการบริการต้องดี การใส่ใจในบริการของเรา จริงๆเหมยอยากทำธุรกิจหลายตัว แต่เราอยากโฟกัสเพื่อใส่ใจในการบริการ ออกมาต้องเพอเฟค เราเองพัฒนาสูตรให้ดียิ่งขึ้น ตัวนี้สบู่สลายฝ้าขายได้ประมาณ 5 แสนก้อน แปปเดียว ขายดีมาก ไปต่างประเทศไปจีน ประมาณ 20% ส่วนใหญ่จะขายในไทย เมดอินไทยแลนด์ ขายดีมากใครก็อยากใช้ เรามีตัวแทนเริ่มเข้ามาหาเรามากขึ้น ลูกค้าที่เขาซื้อกันขนาดนี้เพราะว่าแบรดน์ที่เราสร้างมาแข็งแรงมาหนึ่งปี ลูกค้าเขาไม่ได้ซื้อที่ละหนึ่งก้อนนะ เขาซื้อที่ละ 5 ก้อน บางคนซื้อ 10 ก้อน 20 ก้อนมันเลยทำให้ตัวแทนโฟลว์กับการขายออเดอร์ ยอดเข้ามา ขนาดตัวแทนปลีกคนทั่วไปซื้อที 5-10 ก้อน มีการรีออเดอร์จากตัวแทนมันเยอะ แล้วตัวแทนเราก็มีประมาณ 200 คนที่เขาขายเก่ง หลายคนสั่งที่ละพันก้อนจนกลายเป็นยอดวอลุ่มที่ 5 แสนก่อนได้ภายในระยะเวลาแปปเดียว”


เปิดตัวเชิดหน้าชูตา  มีการรีวีวจากทางบ้านลงพันทิปจนเจ้เหมย หน้าบาน  “ผลตอบรับเห็นผลดีมาก ต้นกำเนิดมาจากแม่ค้าหน้าพัง ไปใช้ครีมอย่างอื่นแพ้ สำหรับเหมย อยากบอกว่าเราไม่ได้มาในยุคที่เขาเห่อขายสกินแคร์ตามเน็ต แต่เราตั้งใจมา ไม่ใช่เขาขายดีเราอยากทำบ้างแต่เราตั้งใจทำ เช่นถ้าเราอยากจะขายดีกว่านี้เราก็ทำได้แต่เราไม่อยากไปทำขนาดนั้น เราอยากให้มันพร้อม สินค้าเราพัฒนาเพิ่มสูตรปรับสูตรมาเรื่อยๆ เราใช้ใจในการสร้างตัวนี้เพื่อผลตอบรับที่ดี เราทำสินค้าพรีเมี่ยมแต่เราขายในราคาถูก ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าเราทำแพง แต่เราใช้คุณภาพอย่างดี เนื้อครีมทำอย่างดี เรามองว่าเรารักลูกค้าก่อน เพราะถ้าเขารักสินค้า เราจากที่เขาซื้อไปแค่หนึ่งชิ้นเขากลับมาซื้อเพิ่ม 5 ชิ้น เราขายถูก สบู่ก่อนนี้ขาย 350 ก็ได้แต่เราไม่ขายเราอยากตอบแทนลูกค้า เขาใช้ดีเราก็ดีใจ เขาใช้หน้าเป็นสิวเป็นฝ้า เราเข้าใจหัวอกลูกค้าเพระเราเคยหน้าพังมาก่อน”


ทำไมลูกค้าใหม่หลายคนเวลามาซื้อไม่ใช่แค่ก้อนเดียวสองก้อนแต่เป็น 5 เป็น 10 ก้อน “เขาบอกว่าราคาน่าลอง สอง เหมย ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า รีวิวตัวเองเสมอๆเขาเลยมั่นใจในผลิตภัณฑ์ เขาเห็นแบรนด์เรามานานแล้วแต่สินค้าตัวอื่นมันแพงไปเช่นครีมทาหน้าเขาขายกัน 800 บาท พอเห็นสบู่ตัวนี้แล้วอยากลองเพราะบางคนกำลังซื้อไม่พอ ทำให้สบู่มาปัง แล้ววิธีการที่เราแจกฟรีลูกค้าสบู่ไป 1000 ก้อน เชื่อมั้ยจากที่แจกออกไปเราได้ลูกค้าที่รักแบรนด์เราเพิ่ม 600 คนกลับมาซื้อซ้ำ จากการแจกฟรี เขามากดไลค์ กดแชร์ในเพจ บอกต่อสินค้าใช้ดี เราใช้หลากหลายกลยุทธ์ในการสร้างความประทับใจกับลูกค้า”
“บางคนมาขอบคุณเราที่แบบไม่มีแบรนด์ไหนเคยให้ฟรีเลยพันก้อน เรารู้สึกว่าได้ช่วยคน เด็กบางคนหน้าสิวหน้าแหกเราช่วยเขาได้ให้สบู่ฟรีไป เขาใช้ดีแล้วไปตัดสบู่แบ่งกับน้อง คนในครบอบครัว เขามีความสุข คนเป็นฝ้าหน้าดำ สาวโรงงานหาย เราได้ช่วยคน  ให้เราได้มอบความสุข เขาหน้าดี เราเอาให้เขาใช้แล้วหน้าดีเราดีใจ ถึงแม้บางครั้งเราเจอลูกค้าแรงมาเราก็ไม่เคยด่าแรงกลับ การบริการที่เราให้ต้องดีก่อน ลูกค้าโวยวายมาเราบอกใจเย็นๆ เราไม่เคยลบเม้นลูกค้าเข้ามาด่า  ถึงจะมาไม่ดี เราตอบก็ยินดีตอบ ลูกค้าสามารถโวยวายได้แต่เราอย่าไปใจร้อน จนในที่สุดสบู่สลายฝ้าเราก็ดังและปังมากตัวนี้ จนกังวลว่าโรงงานจะผลิตไม่ทัน!!! คาดว่าภายในสิ้นปียอดเกินล้านก้อนแน่นอน ตอนนี้เราประสบความสำเร็จ มีแจกเงิน แจกทอง ให้กับคนที่ยังไม่มีงานทำ รับสมัครตัวแทนขายสบู่ขายดีมากใครสนใจก็สอบถามหรือติดต่อมาได้”

แหล่ง : http://www.thaihothit.com/hot-news/14066